Thursday, December 22, 2016

นวัตกรรมใหม่ สเต็มเซลล์ จากเลือด รักษาข้อเสื่อม เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในเมืองไทย โดย โรงพยาบาลตำรวจ ลดการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


นวัตกรรมใหม่ สเต็มเซลล์ จากเลือด รักษาข้อเสื่อม เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในเมืองไทย โดย โรงพยาบาลตำรวจ ลดการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่ 


วิธีการรักษาข้อเสื่อมแต่เดิมนั้น จะใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีและใช้ได้ 10-15 ปี แต่ปัญหาคือคนที่อายุมากขึ้นก็ต้องมาผ่าตัดเปลี่ยนใหม่อีก แต่วิธีใหม่นวัตกรรมใหม่คือการปลูกกระดูกอ่อนจะทำให้ใช้การได้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ทั่วโลกมีการปลูกกระดูกอ่อนที่สำเร็จหลายวิธี อาทิ การคีบกระดูกอ่อนที่อยู่ในเข่าออก แล้วนำไปเพาะประมาณ 8 อาทิตย์ เหมือนเอาเด็กไปเลี้ยงแล้วค่อยนำไปคืน วิธีนี้ต้องใช้ห้องแล็บที่สร้างด้วยงบประมาณมหาศาล และการนำเข็มดูดเซลล์ต้นกำเนิดจากเชิงกรานออกมาแล้วนำไปปั่นอีก แต่วิธีนี้มีข้อจำกัด ทำให้เราคิดว่า ทำไมไม่เอาเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดออกมา ด้วยการกรองเหมือนกับวิธีการรักษาเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด พร้อมสารเจริญเติบโตจากเลือดเพื่อสร้างกระดูกอ่อนผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) ใช้เพื่อดูการเชื่อมต่อในกระดูกอ่อน จนประสบผลสำเร็จ

ผู้สูงอายุในเมืองไทยกว่า 1 ล้านคนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรค "ข้อเสื่อม" และถึงขั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยน "ข้อเทียม" มากกว่า 1 หมื่นรายต่อปี แต่ทว่า "ข้อเทียม" มีอายุการใช้งานแค่ 10-15 ปีเท่านั้น  พ.ต.อ.นพ.ธนา ธุระเจน นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลตำรวจ จึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ "เซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) จากเลือดพร้อมสารเจริญเติบโตเพื่อสร้างกระดูกอ่อนผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope)" ครั้งแรกในเมืองไทย
 
นวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ "เซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) จากเลือดนั้น จึงต้องยื่นขออนุมัติการศึกษาเพื่อผ่านคณะกรรมการจริยธรรมศีลธรรมจากทั้งโรงพยาบาลตำรวจ และแพทยสภาก่อนแล้วได้รับอนุมัติจึงค่อย เริ่มค้นคว้าวิจัยมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นมา โดยจะแบ่งเป็นสามขั้นตอน คือ การใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ชนิด E-Microscope ที่มีกำลังขยาย 2,000 เท่า ซึ่งทำให้รู้ว่าเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดนั้น หลังจากมีการปลูกเซลล์ต้นกำเนิดแล้ว ใช้เพื่อดูการเชื่อมต่อในกระดูกอ่อน และศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพเบื้องต้น และการติดตามผลการรักษาภายในหนึ่งปี โดยเริ่มรักษาคนไข้รายแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 เป็นผลสำเร็จ

คนที่มาทำสเต็มเซลล์เพื่อรักษาข้อเสื่อมควรจะมีอายุน้อยกว่า 60 ปี กระดูกไม่ควรผิดรูปมากนัก รักษาด้วยวิธีกินยาแล้วไม่ดีขึ้น และไม่เป็นโรคแทรกซ้อนอย่างรูมาตอย ด์และเกาต์ ซึ่งเมื่อมีการตรวจแล้วว่าผ่านเกณฑ์ที่จะรักษาในวิธีนี้ ขั้นตอนแรก จะนัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด ก่อนจะให้ฉีดยากระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดก่อน แล้วนำมาเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากเครื่องเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่ซื้อมาราคาประมาณ 3 ล้านบาท เครื่องนี้จะใช้แสงเพื่อดูเซลล์ โดยเซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะมีการหักเหของแสงต่างจากเซลล์ปกติ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะนำเซลล์ต้นกำเนิดมานับจำนวนว่าครบ 10 ล้านเปอร์ซีซีหรือไม่
 
หลังจากนั้น นัดคนไข้มาเพื่อส่อง กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขนาด 3 มิลลิเมตร เพื่อทำความสะอาดในข้อจะมีฝุ่น คนที่เป็นข้อเข่าเสื่อมนานๆ จะมีลักษณะขรุขระจากฝุ่นต่างๆ ถ้านำเซลล์เข้าไปมันจะไม่เกาะติดกัน หลังจากนั้นก็จะเจาะรูกระดูกอ่อนประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วค่อยฉีดเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเข้าไป ประมาณ 10 ล้านเซลล์เปอร์ซีซี ฉีดกระจายไปตามรูที่เจาะไว้ มันจะเข้าไปช่วยกันซ่อมตัวเองกับสเต็มเซลล์ที่อยู่ในเลือดข้างในประมาณ 3 ล้านซีซี ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ พักโรงพยาบาลหนึ่งวันแล้วกลับบ้านได้ และนัดให้มาฉีดเซลล์ต้นกำเนิดครั้งที่ 2 ในอีก 7 วัน
 
หลังจากติดตามผู้ป่วยหลังจากรักษาประมาณ 6 เดือน ผู้ป่วยทุกรายไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องกินยาในหนึ่งเดือน และไม่จำเป็นต้องผ่าตัดด้วยข้อเทียม แม้ว่าในระยะแรกอาจต้องใช้ไม้เท้าบ้าง เพราะการเชื่อมกันของเซลล์ต้นกำเนิดยังไม่สมบูรณ์ แต่ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ ตอนนี้ต้นทุนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาทต่อคน ซึ่งเป็นทุนได้รับมาจาก พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ และ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ จากมูลนิธิเวชดุสิต ตอนนี้ทำการรักษาไปแล้ว 20  คน เหลืออีกแค่ 10 กว่าคนก็จะปิดโครงการ และจะรายงานแพทยสภาว่า การรักษาด้วยวิธีนี้มีประโยชน์ต่อมนุษย์ ก็จะอนุมัติการรักษา ซึ่งคิดว่าปลายๆ ปีน่าจะเปิดการรักษาได้อย่างเป็นทางการ

ในอนาคตก็จะซื้อตู้เย็นมาแช่เซลล์ต้นกำเนิดนี่ได้เพื่อนำมาแช่ไว้ เพื่อรักษาคนไข้ถ้าคนไข้เกิดอุบัติเหตุก็สามารถเอามาเชื่อมต่อกันได้ทันที เพราะการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดต้องทำขณะที่ร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้ กระดูกอ่อนของมนุษย์มีชุดเดียว ถ้าตัดไปแล้วเพื่อเปลี่ยนข้อเทียมก็จะต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งการคิดค้นการรักษาด้วยกระบวนการตามธรรมชาติ จะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด  เรามีความคาดหวังในเชิงป้องกัน หากสามารถเก็บกระดูกอ่อนมนุษย์ของแท้ได้ ในอนาคตอันใกล้ถ้าเราสามารถรักษากระดูกอ่อนได้ คนไข้ที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมก็จะลดลง ทั้งนี้ คนไข้อายุต่ำกว่า 60 ปีที่มีจำนวน 1 ใน 3 ของประชาชนก็จะช่วยลดรายจ่ายจากค่ายา ค่าผ่าตัดต่างๆ เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดที่ใช้รักษาเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว ซึ่งหากไม่พยายามรักษาป้องกันข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีอื่น ก็จะทำให้การสั่งซื้อข้อเทียมเข้ามามากขึ้น และมีราคาสูงเพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงสนใจศึกษาในเรื่องนี้

Cr.คมชัดลึก

No comments:

Post a Comment