Monday, December 12, 2016

"ชูวิทย์" เข้าข่ายได้รับอภัยโทษ จาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10



"ชูวิทย์" เข้าข่ายได้รับ อภัยโทษ จาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราช สันตติวงศ์ วางหลักเกณฑ์ ผู้ได้รับการปล่อยตัวต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด อีกส่วนได้รับการลดโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราช– สันตติวงศ์ เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์ แก่ประเทศชาติสืบไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

อธิบดีราชทัณฑ์เผยนักโทษเข้าเกณฑ์อภัยโทษปล่อยทันที30,000คนคาดอีก 3วันปล่อยล็อตแรก  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เข้าเกณฑ์ปล่อยตัวส่วนผู้พันตึ๋งอดเพราะถูกปรับเป็นนักโทษชั้นเลว

นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงครองราชย์สืบสันตติวงศ์ 2559 ว่า คาดว่าจะมีผู้ต้องโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คนเศษ โดยแต่ละเรือนจำจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อให้ผู้ต้องโทษที่ได้รับการปล่อยตัวมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นผู้ต้องโทษชั้นดีขึ้นไป จึงได้รับสิทธิ์และไม่เป็นผู้ที่กระทำผิดซ้ำไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่าข่มขืนฉ้อโกงประชาชนหรือค้ายาเสพติด

ในส่วนของเรือนจำในต่างจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา และอัยการร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขังด้วยโดยหลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้วเรือนจำจะส่งรายชื่อผู้ต้องโทษให้ศาลจังหวัดทำหมายปล่อยและดำเนินการปล่อยตัวเป็นอิสระสำหรับมาตรการดูแลผู้พ้นโทษ ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วนั้นจะมีหน่วยงานภาคีในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลไม่ให้กระทำความผิดซ้ำโดยคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษล็อตแรกได้ภายใน3วันซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องโทษน้อยไม่เกิน2ปี

ส่วน พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ "ผู้พันตึ๋ง"อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่าสำหรับผู้กระทำผิดคดี112 ก็เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากพ.ร.ฎ.อภัยโทษครั้งนี้ด้วยโดยจัดเป็นผู้ต้องขังคดีทั่วไปที่มีสิทธิ์ได้รับการลดโทษตามลำดับชั้นสำหรับกลุ่มที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์อภัยโทษปล่อยตัวรอบนี้เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์และผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ต้องโทษจำคุกคนละ2ปี ส่วนนายเฉลิมชัยมัจฉากล่ำหรือผู้พันตึ๋งผู้ต้องโทษคดีฆาตกรรมนายปรีณะลีพัฒนะพันธ์อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรที่ได้รับการลดวันต้องโทษและพักการโทษไปก่อนหน้านี้แต่กระทำความผิดซ้ำจนถูกนำตัวเข้าคุมขังตามกำหนดโทษที่ได้รับการพักไว้ในเรือนจำกลางบางขวางโดยผู้พันตึ๋งรอบนี้ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษเพราะถูกลดชั้นปรับเป็นนักโทษชั้นเลว

Cr.ข่าวไทยรัฐ,Nation TV

No comments:

Post a Comment