Friday, December 30, 2016

รักษา โรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก เส้นประสาทสันหลัง ผ่าน กล้องจุลทรรศน์ ขนาดจิ๋ว โดยที่ ผู้ป่วยมีอาการเจ็บเล็กน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้รวดเร็ว

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


รักษา โรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก เส้นประสาทสันหลัง ผ่าน กล้องจุลทรรศน์ ขนาดจิ๋ว โดยที่ ผู้ป่วยมีอาการเจ็บเล็กน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้รวดเร็ว


นายแพทย์พุทธิพร เธียรประสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สถาบันโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ แนะสาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกนั้นเกิดจากการบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูก พบได้ในกิจวัตรประจำวันที่มีการเคลื่อนไหว เช่น การก้มตัว การยกของหนัก การออกกำลังกาย หรือเกิดการเสื่อมของหมอนรองกระดูกตามอายุ หรือการเสื่อมของหมอนรองกระดูกก่อนวัย สาเหตุจากการใช้งานกระดูกสันหลังหนักมากเกินไป ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังแตกเคลื่อนจนกดทับ เส้นประสาท หากคุณกำลังมีปวดหลังร้าวลงขาเวลานั่ง ยืน เดิน มีอาการชา ลงขา หรือหลังเท้ากล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เดินเซ การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ หรือ อุจจาระผิดปกติ อย่างนิ่งนอนใจรีบเข้ารับการตรวจรักษาหาสาเหตุของโรค คุณอาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทก็เป็นได้

สถาบันโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ มีการรักษาโรคหมอนรองกระดูก 2 แนวทาง ทั้งการเข้ารับการรักษาแบบไม่เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง หมอนรองกระดูกเคลื่อนไม่ใหม่มากนัก อาทิ การให้รับประทานยาระงับการอักเสบ การทำกายภาพ และการฉีดยาลดการอักเสบที่เส้นประสาท และอีกแนวทางหนึ่ง หากมีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้น สามารถเข้ารับการผ่าตัดด้วย 2 วิธี ง่ายๆ

การผ่าตัด โรคหมอนรองกระดูก ด้วย 2 วิธี ง่ายๆ
1. การผ่าตัดผ่านกล้องจุลศัลยกรรม (Microdiscectomy) เป็นการผ่าตัดหมอนรองกระดูกโดย ใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ช่วยในการผ่าตัด ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ประมาณ 3 -5 เซนติเมตร โดยมองผ่านกล้อง Microscope กำลังขยายสูง ทำให้มองเห็นเส้นประสาท และ หมอนรองกระดูกที่ต้องการแก้ไขได้ชัดเจนกว่าการมองด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ แสงสว่างและการมองเห็นที่ชัดเจนผ่านกล้องจุลทรรศน์นี้ ยังช่วยให้ศัลยแพทย์และผู้ช่วย ทำงานประสานผ่านกล้องจุลทรรศน์ได้อย่างสองคล้องกัน และมองเห็นซอกมุมของการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี

2. การผ่าตัดแบบ Full Endoscopic Spinal Surgery การผ่าตัดโดยกล้อง Endoscope (Full Endoscopic Lumbar Discectomy) เป็นการพัฒนาการผ่าตัดโดยเจาะ และสอดกล้องจุลทรรศน์ขนาดจิ๋ว ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8-10 มิลลิเมตร และมีเลนส์ติดอยู่ส่วนปลายผ่านใยกล้ามเนื้อ ไปยังหมอนรองกระดูก ส่วนที่กดทับเส้นประสาท และใส่เครื่องมือผ่าตัดผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขนาดจิ๋ว เข้าไปหยิบหมอนรองกระดูกที่แตกปลิ้ินนี้ออก ได้โดยตรง การมองเห็นที่ชัดเจนผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขนาดจิ๋ว เนื่องจากไม่มีเลือดออก และมีน้ำหล่อเลี้ยง ซึ่งวิธีนี้มีข้อดี คือ การบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อ และอวัยวะข้างเคียงน้อย เพราะ แผลเล็ก และ เป็นการสอดกล้องผ่านกล้ามเนื้อ ทำให้ระยะฟื้นตัวสั้น ผู้ป่วยมีอาการเจ็บน้อย และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็ว

ถ้าพูดถึงในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ นับว่าเป็นโรงพยาบาลแรกๆ ที่มีการใช้การผ่าตัดแบบส่อง กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขนาดจิ๋ว และสามารถตอกย้ำความมั่นใจให้ผู้ป่วยทุกท่านที่เข้ารับการรักษาด้วยความพร้อมของศูนย์รวมการรักษากระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ อีกทั้งยังมทีมแพทย์จากหลากหลายสาขาเข้าร่วมการรักษาด้วย อาทิ ประสาทศัลยแพทย์, แพทย์ศัลยกรรมกระดูก, แพทย์ประสาทวิทยา, จิตแพทย์, วิสัญญีแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู, พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่เทคนิค ที่จะร่วมกันให้การดูแลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางด้านกระดูกสันหลังไขสันหลัง และเส้นประสาทอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิผล และประสิทธิภาพของการรักษาอย่างดีที่สุด

สถาบันโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ เป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีในการรักษา โรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัด การรักษาแบบผ่าตัดในทุกรูปแบบ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะร่วมกันเลือกแนวทางการรักษาให้เหมาะสมที่สุด กับผู้ป่วยเป็นแบบองค์รวม และ เฉพาะตัวให้กับผู้ป่วยแต่ละราย ศูนย์รวมการรักษากระดูกสันหลังและเส้นประสาทอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ ได้จัดให้มีการบริการเพื่อการรักษาอาการผิดปกติ ทางกระดูกสันหลังอย่างครบวงจร เรารู้ดีว่า กระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของระบบประสาทที่สำคัญ ที่ควบคุมทั้งแขน ขา และ อวัยวะภายในของร่างกาย รวมทั้งเป็นอวัยวะที่เป็นแกนกลางที่สำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวของอวัยวะอื่นๆ

ดังนั้น การตัดสินใจให้การรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง จึงต้องการความพิถีพิถัน และความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ โรคทางกระดูกสันหลัง ยังมีมากมายหลายโรคที่พบบ่อย ไม่ว่าจะเป็นโรคของหมอนรองกระดูก โรคของกล้ามเนื้อ โรคติดเชื้อ โรคเนื้องอกของกระดูกสันหลัง โรคของระบบประสาทไขสันหลัง รวมทั้งความผิดปกติแต่กำเนิด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมี ศูนย์รักษาโรคกระดูกสันหลัง ที่มีความพร้อมทุกๆด้าน ที่พร้อมจะให้บริการให้กับประชาชน เพื่อให้ตรงกับปณิธานที่เรายึดมั่นว่า “อุ่นใจ๋ เหมือน ใกล้กั๋น” สำหรับท่านได้ที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สถาบันโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ ถ.เชียงใหม่ซุปเปอร์ไฮเวย์ เบอร์ 052 089 888

Cr.ข่าว อาร์วายทีไนน์

Thursday, December 29, 2016

เชิญชวนชาวพุทธทั่วโลก สวดมนต์ข้ามปี 2560 อยู่ที่วัดไหนก็สวดมนต์ได้ เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ

สวดมนต์ข้ามปี 2560


เชิญชวนชาวพุทธทั่วโลก สวดมนต์ข้ามปี 2560 อยู่ที่วัดไหนก็สวดมนต์ได้ เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กรมการศาสนา (ศน.) ได้จัดกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี 2560 โดยนำมิติความสงบจากกิจกรรมส่งท้าย  ปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ผนวกเข้ากับการส่งความสุขให้แก่ประชาชนชาวไทย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงประชาชนทั่วโลก โดยร่วมกับวัดทุกวัดทั่วประเทศจัดสถานที่เหมาะสมสำหรับจัดสวดมนต์ข้ามปี ในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2560 ระหว่างเวลา 19.00-00.30 น. เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับประชาชนและประเทศชาติ

ทั้งนี้กรมการศาสนา ยังได้จัดทำบทสวดมนต์ฉบับพกพาขึ้น สำหรับประชาชนที่ต้องการสวดมนต์ข้ามปี สามารถเดินทางไป สวดมนต์ข้ามปี 2560 ที่วัดไหนก้อได้หรือสถานที่จัดกิจกรรมสามารถร่วมสวดมนต์ข้ามปีไปพร้อมๆกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต สำหรับบทสวดมนต์ฉบับพกพาที่กรมการศาสนาได้จัดทำขึ้นนั้น จะมีบทสวดมนต์พร้อมตัวอักษรวิ่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสวดตามได้ง่ายๆ มีด้วยกันทั้งหมด 3 บท คือ

1. บทนะโม 3 จบ,บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (อิติปิ โส ภควา) (3.39นาที) https://youtu.be/--GL5neWIUA
2.บทเจริญชัยมงคลคาถา (บทชยันโต) (1.18 นาที)https://youtu.be/KBs8O5EwraQ
3.บทสวดชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) (5.51 นาที)https://youtu.be/1bFuiK59-98

นอกจากนี้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กรมการศาสนา (ศน.) ยังมีโมบายแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “New Year’s Prayer” สำหรับโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์ จัดทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในการสืบค้นข้อมูลศาสนสถานที่จัดกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี 2560 ในระยะรัศมี 50 กิโลเมตรจากตำแหน่งพิกัดปัจจุบันของผู้ใช้งานในรูปแบบแผนที่ดิจิทัล โดยสามารถให้บริการวีดิทัศน์ของกรมการศาสนา เพื่อประชาชนจะได้เข้าร่วมพิธี สวดมนต์ข้ามปี 2560 เสมือนกับได้เข้าร่วมพิธี ณ ศาสนสถานจริงอีกด้วย แถมได้บุญคุ้มครองประเทศชาติและทำให้หน้าตาดูสวยขึ้นด้วย อย่างเช่น กรณี นักร้องสาวลูกทุ่ง “ดาว มยุรี” สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน ออกกำลังกายและไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็สวยแบบธรรมชาติได้

จากการสัมภาษณ์นักร้องสาวลูกทุ่ง “ดาว มยุรี” ถึงความสวยที่เฉิดฉายออกมาจนทะลุอินสตาแกรม (ไอจี) ที่สาว “ดาว มยุรี” โพสต์ลงไอจีบ่อยๆ และจากการสอบถามถึงความสวยที่ดูผิดตา ได้รับคำตอบจากนักร้องสาวสวยรายนี้ว่า เป็นเพราะช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีอยู่ 3 เรื่องที่ทำไม่ขาด ได้แก่ 1.สวดมนต์บทอาราธนาศีล 5 ก่อนนอนทุกคืนไม่เคยเว้นแม้แต่คืนเดียว เหมือนสวดมนต์จิตก็ได้รับบุญทำให้สวยจากภายใน รวมถึงการทำบุญเป็นประจำ 2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนตัวสาว“ดาว มยุรี” จะออกกำลังกายด้วยการตีแบดมินตัน และวิ่งเบาๆ และ 3.ไม่ดื่มแอลกอฮอล์

ส่วนที่มีการคอมเม้นท์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่าไปอัพหน้ามาใหม่ หรือไปศัลยกรรมหน้าเพิ่ม เรื่องนี้ “ดาว มยุรี” ยืนยันว่าไม่ได้ไปทำศัลยกรรมหน้าเพิ่มมาแต่อย่างใด สิ่งที่ทำในช่วง 5-6 เดือนนี้นอกจาก 3 ข้อที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็มีแค่การร้อยไหมหน้าเท่านั้น  ยืนยันว่าไม่ได้อัพหน้าหรือไปผ่าตัดหน้ามาใหม่ ที่สวยได้เพราะ สวดมนต์ ทำบุญ ออกกำลังกาย และไม่ดื่มแอลกอฮอล์ “ดาว มยุรี” กล่าวทิ้งท้าย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กรมการศาสนา (ศน.) จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วม สวดมนต์ข้ามปี 2560 เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและประเทศชาติ

Cr.กรุงเทพธุรกิจ,มีเดียพีพีทีวี,สนุก นิวส์

Wednesday, December 28, 2016

เพชรน้ำดี จะดีต้องมี อก เอว สะโพก ที่ได้องศามีสัดส่วนพอเหมาะ มุมที่พอเหมาะ เหมือนรูปร่างหญิงงาม สามารถดูได้จาก เครื่องมือทันสมัย 1 ใน 4 ของโลก

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


เพชรน้ำดี จะดีต้องมี อก เอว สะโพก ที่ได้องศามีสัดส่วนพอเหมาะ มุมที่พอเหมาะ เหมือนรูปร่างหญิงงาม สามารถดูได้จาก เครื่องมือทันสมัย 1 ใน 4 ของโลก


สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) มีแล็บและเครื่องมือระดับโลก แม้สถาบัน (GIT) จะเพิ่งเปิดมาไม่ถึงสิบปี แต่การันตีว่าผลที่ออกมานั้น ได้รับการรองรับระดับโลก แล็บปฏิบัติการอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่และมีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย 1 ใน 4 ของโลก โดยสถาบันมีทั้งเครื่องมือขั้นพื้นฐานมากมาย เช่น โพลาริสโคป (Polariscope) กล้องไมโครสโคป (Microscope) สำหรับส่องดูอัญมณี หรือ กล้องจุลทรรศน์สำหรับอัญมณี (Gem Microscope) แว่นขยายกำลังขยาย 10 เท่า (10x Loupe) เครื่องหาค่าความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity Balance) กล่องตรวจสอบการเรืองแสงยูวี (Day Light & UV-Lamp)

โพลาริสโคป (Polariscope) กล้องไมโครสโคป (Microscope)สำหรับส่องดูอัญมณี หรือ กล้องจุลทรรศน์สำหรับอัญมณี (Gem Microscope) สเปคโตรสโคป และเครื่องมือชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น Energy Dispersive X-Ray Fluorescence Spectrometer (EDXRF) ใช้ตรวจจำแนกอัญมณีสังเคราะห์กับอัญมณี เครื่อง Fourier Transform Infrared Spectrophotometer (FTIR) ใช้ตรวจจำแนกอัญมณีสังเคราะห์และอัญมณีธรรมชาติ ฯลฯ เป็นต้น  โดยจุดเด่นของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT)นั้น ราคาก็ถูกมาก แถมใช้เวลาไม่มากด้วย ราคาไม่แพงแถมยังใช้เวลาไม่นานด้วย สนนราคาและระยะเวลาการตรวจอัญมณีและเครื่องประดับนั้น ใช้เวลาเพียง 7-10 วัน สนนราคาเพชร 1 กะรัต 1,300 บาท พลอยขึ้นเรือนไม่เกิน 5 กะรัต 5,000 บาท

นอกจากการตรวจสอบเพชรแล้ว  สถาบันยังอลังการครบเครื่องด้วยการเปิดหลักสูตรสอนดูเพชร ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope)สำหรับส่องดูอัญมณี หรือ กล้องจุลทรรศน์สำหรับอัญมณี (Gem Microscope) สเปคโตรสโคป และเครื่องมือชั้นสูงอื่น ๆ อีกมากมาย  โดยมีหลักสูตรทั้งหมด 13 หลักสูตร ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนกว่าหมื่นคน เป็นหลักสูตรที่สอนดูเพชรต่างๆ โดยสอนจันทร์ พุธ ศุกร์ คอร์สละ 4 หมื่น 4 เดือน แล้วสถาบันฯ ก็มีสอนให้ดูเพชรวันเดียวจบด้วย ส่วนใหญ่ที่มาเรียน คนที่อยากได้ใบ Certificate โดยสถาบันฯสอนให้ดูสัดส่วนของเพชร ต้องมีสัดส่วนพอเหมาะ มุมที่พอเหมาะ

เพชรก็เหมือนกับเชปคน...ต้องมี อก เอว สะโพก ที่ได้องศา ต้องมีสัดส่วนพอเหมาะ มุมที่พอเหมาะ เหมือนรูปร่างหญิงงาม ผู้เชี่ยวชาญเจาะรายละเอียดตั้งแต่รูปแบบการเจียระไนเพชรที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันว่าเป็นการเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร (Brilliant Cut) มี 57 – 58 เหลี่ยม ทั้งนี้ความงดงามของเพชร มีผลมาจากการเจียระไน และสมบัติทางแสงธรรมชาติ ซึ่งมีองค์ประกอบ เช่น ความโปร่งใส (Transparency) ประกาย (Brilliancy) การกระจายแสง (Dispersion) ความระยิบระยับ (Scintillation) ความวาว (Luster)

นอกจากนี้ สัดส่วน (Proportion) ก็มีผลต่อความงามของเพชรที่ดี ได้แก่ ขนาดของหน้าเพชร (Table Size) มีผลต่อประกายของเพชร ความสูงส่วนบน (Crown Height) มีผลต่อการกระจายแสงของเพชร ความลึกส่วนล่าง (Pavilion Depth) หากตื้นเกินไปจะทำให้เกิดวงสีขาว (Fish Eye) และหากลึกเกินไป จะทำให้ส่วนกลางมืด (Dark Center) สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบอัญมณีเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008

โดยกระบวนการเริ่มจากการรับตัวอย่าง โดยจะมีขั้นตอนที่ชัดเจน ต่อจากนั้นตัวอย่างจะถูกลงทะเบียนและแนบใบบันทึกข้อมูล ตัวอย่างแต่ละเม็ดจะถูกส่งผ่านสู่นักวิชาการอัญมณีเพื่อดำเนินการวิเคราะห์ทั้งเครื่องมือพื้นฐานและเครื่องมือขั้นสูงไม่ว่าจะเป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope)สำหรับส่องดูอัญมณี หรือ กล้องจุลทรรศน์สำหรับอัญมณี (Gem Microscope) สเปคโตรสโคป และเครื่องมือชั้นสูงอื่น ๆ อีกมากมาย ผลการวิเคราะห์ที่สรุปได้จะถูกตรวจซ้ำโดยนักวิชาการอีกหนึ่งคน หลังจากนั้นผ่านเข้าสู่กระบวนการจัดทำใบรับรองตามรูปแบบที่กำหนด และใบรายงานผลการถูกตรวจทานและลงนามโดยนักวิชาการผู้ตรวจ

คนทั่วไปไม่รู้ว่าสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) มีแล็บและเครื่องมือระดับโลก มีของดีราคาไม่แพงและใช้เวลาไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีที่มีเครื่องมือทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักอัญมณีศาสตร์ที่มีประสบการณ์สูง และมีเครื่องตรวจสอบอัญมณีที่ยังได้รับการรับรองจากสมาพันธ์อัญมณีโลกด้วย โดยเปิดให้บริการตรวจวิเคราะห์จำแนกอัญมณีธรรมชาติ สังเคราะห์ และเลียนแบบ ตรวจสอบการผ่านการปรับปรุงคุณภาพของอัญมณี ตรวจวิเคราะห์จำแนกเพชรธรรมชาติ เพชรสังเคราะห์หรืออัญมณีเลียนแบบเพชร เป็นต้น

นางวิลาวัณย์ อติชาติ ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(GIT) มีหน้าที่หลักส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย นอกจากนี้จัดกิจกรรมทางวิชาการ เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันวิจัยตลอดจนผู้ประกอบการด้านอัญมณีจากทั่วโลกเข้าร่วมแสดงผลงาน พันธกิจที่หลายคนไม่รู้คือ เรื่องของการออกใบรับรองผลการตรวจสอบอัญมณี เครื่องประดับโลหะ เพื่อออกใบรับรอง หรือ Certificate ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.git.or.th/testing_center01.html

Cr.ไทยรัฐออนไลน์

Tuesday, December 27, 2016

แคร์รี ฟิชเชอร์ "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars สิ้นลมแล้ว หลังจากเกิด ภาวะหัวใจวายฉับพลัน ขณะโดยสารเครื่องบิน จากอังกฤษ มายังลอสแองเจลิส

เจ้าหญิงเลอา


แคร์รี ฟิชเชอร์  "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars สิ้นลมแล้ว หลังจากเกิด ภาวะหัวใจวายฉับพลัน ขณะโดยสารเครื่องบิน จากอังกฤษ มายังลอสแองเจลิส    


โดยก่อนหน้านี้ทำเอาบรรดาสาวกแฟนคลับภาพยนตร์ Star Wars ต่างพากันวิตกถ้วนหน้า เมื่อมีรายงานว่า แคร์รี ฟิชเชอร์ เจ้าของบท "เจ้าหญิงเลอา" ได้หยุดหายใจไปนานกว่า 10 นาที หลังเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวกะทันหันก่อนที่เครื่องจะลงจอด 15 นาที ซึ่งเป็นเที่ยวบินของสายการบิน United Airlines ที่บินจากอังกฤษ มายังลอสแองเจลิส ก่อนจะกู้ชีพขึ้นมาได้พร้อมพาตัว แคร์รี ฟิชเชอร์  "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars ส่งห้องฉุกเฉินและเข้ารับการดูแลอย่างใกล้ชิดต่อในห้องไอ.ซี.ยู.
     
เป็นเรื่องเศร้าจริงๆ ที่ บิลลี ลอร์ด ได้ยืนยันแล้วว่า แคร์รี ฟิชเชอร์ แม่ของเธอเสียชีวิตลงแล้วเมื่อเวลา 08.55 น. ของเช้าวันนี้ ตรงกับวันอังคารที่ 27 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา  เธอเป็นที่รักของโลกใบนี้ และจะระลึกถึงเธออย่างสุดซึ้ง โดย ไซมอน ฮอลส์ ทำหน้าที่โฆษกของครอบครัว กล่าวในนามของลูกสาวฟิชเชอร์ ได้ออกมายืนยันข่าวแทน บิลลี ลอร์ด ลูกสาวของแคร์รี ฟิชเชอร์ โดยระบุว่า แคร์รี ฟิชเชอร์ เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้วในวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ ครอบครัวของเราทั้งหมดขอขอบคุณทุกๆ คน ที่ส่งความรักและกำลังใจมาให้พวกเราด้วย
     
ทางด้าน แอนนา เอคานา นักแสดงที่โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวด้วย ก็ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ลูกเรือของสายการบินรวมถึงผู้โดยสารคนอื่นๆ ต่างก็พยายามให้การช่วยเหลือ แคร์รี ฟิชเชอร์  "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars หลังจากเกิดภาวะหัวใจวายฉับพลันขณะโดยสารเครื่องบิน โดยในเที่ยวบินดังกล่าวมีแพทย์และพยาบาลเดินทางอยู่ในเที่ยวบินนี้ด้วย ซึ่งต่างก็ช่วยกันกูชีพทำ CPR จนทำให้เธอกลับมาหายใจอีกครั้งได้สำเร็จ พร้อมได้พาตัวส่งห้องฉุกเฉินและเข้ารับการดูแลอย่างใกล้ชิดต่อในห้องไอ.ซี.ยู. แต่สุดท้ายก็ได้สิ้นลมลงแล้ว
     
ทางด้านสายการบิน United Airlines ก็ได้ออกแถลงการณ์หลังเกิดเหตุเช่นกัน โดยกล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ของเราได้เข้าช่วยเหลือผู้โดยสารบนเที่ยวบิน United Flight 935 ที่บินจากกรุงลอนดอน มายังลอสแองเจลิสในวันนี้ทันทีที่มาถึง หลังจากที่ลูกเรือรายงานว่า มีผู้โดยสารหมดสติ เราขอส่งใจไปยังลูกค้าของสายการบินในเวลาเช่นนี้ด้วย ภายหลังมีการยืนยันข่าวการเสียชีวิตขอ งแคร์รี ฟิชเชอร์  "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars  ปรากฏออกมา ทางด้านคู่ขวัญอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด นักแสดงดังวัย 74 ปี ก็ได้ขึ้นข้อความไว้อาลัย โดยระบุว่า  “แคร์รี เป็นคนที่พิเศษไม่เหมือนใคร ...เธองดงาม, ของแท้, ตลก และกล้าหาญ เธอใช้ชีวิตของเธอมาได้อย่างหาญกล้าทีเดีว โดยเขายังขอส่งใจไปยังลูกสาวของเธอ รวมถึงพ่อแม่ของเธอด้วย    

แคร์รี ฟิชเชอร์ หรือ เจ้าของบท "เจ้าหญิงเลอา" เกิดเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 1956 เป็นบุตรสาวของ เด็บบี เรย์โนลด์ และ เอนเตอร์เทนเนอร์ชื่อดัง เอ็ดดี ฟิชเชอร์ เธอเคยทิ้งฮอลลีวูดเพื่อไปศึกษาต่อที่ Central School of Speech and Drama ในกรุงลอนดอน อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่นาน เธอก็กลับมาโลดแล่นในวงการอีกครั้ง โดยเปิดตัวด้านภาพยนตร์ด้วยผลงานเรื่อง Shampoo เมื่อปี 1975 ก่อนที่ 2 ปีต่อมาจะมารับบทเจ้าของบท "เจ้าหญิงเลอา" ใน Star Wars ภาคแรกขณะที่เธอมีอายุเพียง 19 ปี โดยเธอยังคงแสดงในบทเดิมต่อเนื่องมาอีก 2 ภาครวมถึงในภาคล่าสุดอย่าง The Force Awaken เมื่อปี 2015 ด้วย นอกจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars แล้ว แคร์รี ฟิชเชอร์ หรือ เจ้าของบท "เจ้าหญิงเลอา" ยังมีผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นอีกทั้ง The Blues Brothers, The Man with One Red Shoe, Hannah and Her Sisters และ When Harry Met Sally    
     
 “แคร์รี กับ ผมเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เธอฉลาดสุดๆ เป็นนักแสดงหญิงที่มีความสามารถ เป็นนักเขียน และศิลปินตลกที่มีหลายด้านในคนคนเดียวจนเป็นที่รักของทุกๆ คน ใน Star Wars เธอเป็นเจ้าหญิงทรงอำนาจ, ฉลาด และยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา และบทขอเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังที่ยากเกินกว่าที่หลายคนคิด ผมของส่งใจและคำภาวนาไปยัง บิลลี, เด็บบี และเพื่อนๆ ครอบครัว และแฟนๆ ของเธอด้วย จะรำลึกถึงเธอตลอดไป”  จอร์จ ลูคัส ผู้คัดเลือกให้เธอมารับบทเจ้าหญิงเลอา ได้เผยความรู้สึกแสดงการจากไปของ แคร์รี ฟิชเชอร์  "เจ้าหญิงเลอา" แห่ง Star Wars

Cr.ข่าวผู้จัดการ

Monday, December 26, 2016

รักษา ภาวะบวมน้ำเหลือง ด้วย เทคนิค supermicrosurgery โดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือพิเศษร่วมกับ กล้องจุลทรรศน์ กำลังขยายสูง

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


รักษา ภาวะบวมน้ำเหลือง ด้วย เทคนิค supermicrosurgery  โดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือพิเศษร่วมกับ กล้องจุลทรรศน์ กำลังขยายสูง


อาการภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema) เป็นการคั่งค้างสะสมของน้ำเหลืองชั้นใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากทางเดินน้ำเหลืองบริเวณที่ใกล้เคียงกันนั้นอุดกั้นหรือถูกทำลาย เช่น แขนขาบวม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่แขน ขา และ อวัยวะเพศ โดยมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม และภายหลังจากการผ่าตัดที่ต้องตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น เช่น การผ่าตัดมะเร็งหรือเนื้องอกบริเวณปากมดลูก เต้านม หรือได้รับการฉายรังสีรักษา สำหรับระยะและความรุนแรงของโรค ขึ้นกับความเสียหายของหลอดน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อข้างเคียง โดยในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการใดๆ ตามมาแต่จะมีอาการบวม เมื่อใช้นิ้วกดแล้วเป็นรอยบุ๋ม แต่สามารถยุบบวมเองได้ นั่นอาจเป็นเพราะคุณมีภาวะบวมน้ำเหลืองตามร่างกายเกิดขึ้น

เคยไหมที่แขนขาบวมแล้วไม่รู้สาเหตุ แล้วต่อมาผิวหนังมีความผิดปกติ เริ่มมีการสะสมของพังผืดใต้ผิวหนังมาก ผิวมีสีคล้ำและหนาขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดการอักเสบติดเชื้อใต้ผิวหนัง (Cellulitis) และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเชื้อจะกระจายสู่กระแสเลือด (Septicemia) ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสัมผัสสิ่งสกปรก หรือเป็นแผลเปิด และบางรายเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อย่างไรก็ตาม ยิ่งอักเสบติดเชื้อบ่อยเท่าใด อาการบวมยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น เกิดภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema)
     
การรักษาภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema) นั้น ทุกคนสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ เริ่มจากรักษาความสะอาดอวัยวะที่บวมเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้ออักเสบ ยกอวัยวะที่บวมให้สูงไว้ เพื่อช่วยน้ำเหลืองที่คั่งคืนสู่ร่างกาย งดอาหารเค็มและอาหารประเภทไขมันสูง เพราะเกลือที่มากเกินไปจะเหนี่ยวนำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่วนไขมันจะไปพอกสะสมบริเวณที่น้ำเหลืองคั่ง ทำให้อาการบวมรุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงการพันผ้ายืด (elastic bandage) ให้ตึงพอดี หรือสวมถุงน่อง (stocking) ที่กระชับพอดี ไม่แน่น หรือหลวมไปตลอดเวลา จะถอดเฉพาะเวลาอาบน้ำเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีนวดด้วยเครื่องอัดลม ซึ่งมีบริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่บางแห่งเท่านั้น การขันชะเนาะลดบวม และการผ่าตัด โดยล่าสุดเป็นการต่อหลอดน้ำเหลืองเข้าหลอดเลือดดำด้วยการผ่าตัดผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ เทคนิค supermicrosurgery      

การผ่าตัดต่อหลอดน้ำเหลืองเข้าหลอดเลือดดำด้วยการผ่าตัดผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ เทคนิค supermicrosurgery นี้ ประกอบด้วย 1.กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง 40 เท่า ประมาณ 1-2 ตัว โดยมีศัลยแพทย์ประจำกล้อง 2 คนต่อ 1 ตัว 2.อุปกรณ์เครื่องมือพิเศษขนาดเล็กกว่า 0.8 มิลลิเมตร 3. เข็มเย็บขนาดเล็ก 50-80 ไมครอน และไหมเย็บขนาดเล็กกว่าเส้นผม เบอร์ 11-0 หรือ 12-0 ทั้งนี้ การผ่าตัดจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง โดยแพทย์จะทำการดมยาสลบก่อนเปิดแผลกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตร จากนั้นจึงทำการต่อทางเดินน้ำเหลืองเข้ากับหลอดเลือดดำ 3 - 4 ตำแหน่ง ด้วยอุปกรณ์เครื่องมือพิเศษร่วมกับกล้องจุลทรรศน์หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) กำลังขยายสูง
     
ทั้งนี้ ภายหลังการผ่าตัดผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ เทคนิค supermicrosurgery นี้ผู้ป่วยจะนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 วัน แล้วจึงกลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยผู้ป่วยต้องใช้ผ้ายืดพันหรือใส่ถุงน่องบริเวณที่ทำการผ่าตัดแล้วไปอีก 6-12 เดือน พร้อมกับมาพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการเป็นระยะๆ ขณะเดียวกัน จะต้องดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายเบาๆ ทั้งนี้ หากผู้ป่วยปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็มีโอกาสน้อยที่จะกลับมาเป็นโรคดังกล่าว แต่ถ้าละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง นอกจากจะเป็นซ้ำแล้ว บางรายพบว่ามีพังผืดขึ้นเป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถผ่าตัดซ้ำได้อีก ต้องเปลี่ยนมารักษาด้วยวิธีการอื่น เช่น การขันชะเนาะ เป็นต้น
     
การผ่าตัดด้วยเทคนิค “supermicrosurgery” หรือผ่าตัดผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) นี้เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินน้ำเหลืองเข้าหลอดเลือดดำบริเวณที่ผ่าตัดโดยตรง โดยไม่ผ่านทางเดินน้ำเหลืองบริเวณที่เคยได้รับการบาดเจ็บหรือผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองมาก่อน จะช่วยให้ผู้ป่วยเสียเลือดน้อย บาดแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และยังลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อเทียบกับการผ่าตัดรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งผู้ป่วยจะค่อนข้างเสียเลือดมาก พักฟื้นนาน และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ แผลแยก หรือเลือดคั่ง เป็นต้น

Cr.ข่าวผู้จัดการ

"แทค"ภรัณยู ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์ โพสต์ภาพคู่แนบชิดนัวเนียกับ “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” หลังกระแสดราม่าสังคมบนโซเชียลมีเดีย วิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปากด้วยถ้อยคำรุนแรง ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งให้ไร้ที่ยืน จน"นุช" แฟนสาวหล่อ ออกมาชี้แจง

 
เจสซี่ วาร์ด

"แทค"ภรัณยู ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์ โพสต์ภาพคู่แนบชิดนัวเนียกับ “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” หลังกระแสดราม่าสังคมบนโซเชียลมีเดีย วิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปากด้วยถ้อยคำรุนแรง ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งให้ไร้ที่ยืน จน"นุช" แฟนสาวหล่อ ออกมาชี้แจง


เป็นข่าวดราม่าสนั่นมาหลายวัน สำหรับ “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” กับ "น้องนุช" แฟนทอม ล่าสุดหนุ่มๆและทอม ต้องตาลุกเป็นไฟ พากันอิจฉา เมื่อ "แทค"ภรัณยู ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์โพสต์ภาพคู่แนบชิดนัวเนียกับ “เจสซี่วาร์ด (Jessie Vard)” นอกจากนี้ยังขอถ่ายภาพคู่กับ "น้องนุช" หวานใจของเจสซี่อีกด้วย จากกรณีที่โลกออนไลน์เปิดโอกาสให้สังคมบนโซเชียลมีเดียได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปากมีการวิพากษ์วิจารณ์ การถ่ายแบบเซ็กซี่ของ นางแบบสาวนัยน์ตาน้ำข้าว "เจสซี่ วาร์ด" (Jessie Vard) ว่าแฟชั่นเซ็ตหลังๆ ที่สาวคนนี้ถ่ายเผยแพร่ภาพอนาจารอาจจะดูแรงไปบ้าง จนมีบางคนเข้าไปคอมเม้นต์จนเกินความพอดี ขณะที่เจ้าตัวก็บอกว่าเธอดูแลตัวเองดีและเซฟทุกอย่างแล้ว

ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ "นุช" แฟนสาวหล่อของ“เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” ออกอาการโมโห และโพสต์ด่าคนที่เข้ามาต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง เพราะน้องเขาหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งครอบครัวมีเจสทำงานคนเดียว! หาค่าใช้จ่ายเลี้ยงปากท้อง พ่อกับน้องชาย พ่อแก่มากแล้ว น้องก็ยังเด็ก เจสซี่เป็นฝรั่งที่กตัญญูมาก จนมีคนขุดภาพเก่า ๆ โดยลักษณะของภาพเคลื่อนไหวที่มีผู้ชายพยายามลวนลามนั้น เป็นภาพในที่เฉพาะไม่เหมาะสม ที่จะนำมาเผยแพร่ และข้อความต่างๆ ของนุช วิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปากเป็นการร่วมมือกันทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งให้ไร้ที่ยืน กระหน่ำซ้ำเติมด้วยถ้อยความประเภทเปิดโปง ประจาน

ล่าสุดสังคมบนโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปาก จนเกิดแฮชแท็ก #ผัวเจสซี่ หรือ “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” มาแรงจนขึ้นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ไทยเทรนด์เลยทีเดียว ล่าสุด"นุช" แฟนสาวหล่อของเจสซี่ ได้ออกมาชี้แจงถึงกระแสดราม่าสังคมบนโซเชียลมีเดียดังกล่าวว่า “ ใครทำงานเลี้ยงพ่อแม่ได้นี่สุดยอด!! แต่ก้ต้องทน เพราะจุดขายน้องมีจุดนี้ ทำได้แค่อ่านคำเม้นแล้วร้องไห้ ทุกๆครั้งที่เข้าไปเจอคนคอมเม้นด่าแรงๆ เสียๆหายๆ ลามไปถึงด่าพ่อแม่น้องเขา จิตใจทำด้วยอะไร ไม่ชอบก้อไม่ต้องดู น้องทำงาน ไม่ใช่โชว์เพื่ออยากดัง เขาทำเขาได้เงิน อายุแค่20 เลี้ยงครอบครัวได้  โพสนี้นุชขอมาชี้แจงนะ

1.เรื่องที่นุชใช้คำพูดไม่ถูกต้องในการโพสให้กำลังใจแฟนนุช มันมีคำพูดที่แรงเกินไป โอเคอันนี้นุชขอโทษ อารมณ์ตอนนั้นคือโมโหมากกกกกกกก เพราะนุชไปอ่านคอมเม้นที่ด่าเจส “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” กระหรี่บ้าง นู่นนี่นั่น คือตอนนั้นไม่ไหวจริงๆ อันนี้นุชขอโทษด้วยนะคะ

2.เรื่องตอบโต้เม้นที่นุชถ้อยคำไม่ไห้เกียรติคนมาเม้น เหมือนกับว่านุชต้องยอมรับความคิดเห็นสาธารณะให้ได้ คือว่า นุชก็เป็นผู้หญิงคนนึงที่อยากปกป้องคนที่นุชรัก อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเราถ้ามีคนมาด่าคนที่ตัวเองรัก พวกคุณก็คงไม่ยอม แต่ก็อาจจะไม่ใช้ หรือ ใช้ คำพูดเหมือนนุช แล้วแต่คน ซึ่งนุชก็เป็นคนธรรมดาที่อารมณ์ขึ้นลง ด่าคำหยาบได้ เหมือนคนทั่วไปเลยไม่คิดว่าคำที่เขาด่ากันปกติจะเป็นกระแส ขนาดนี้ คนอื่นด่าไม่ผิด แต่ทำไมนุชด่าถึงผิดได้ขนาดนี้ แต่ถ้ามันไม่สมควรก็ขอโทษนะคะ

3.เรื่องที่ผู้ชายหลายๆคนบอกว่า นุชจะเอามีด เอาปืนไปไล่ยิงนั่น อยากชี้แจ้งว่า มันไม่ใช่ยังงั้น นุชไม่ได้บอกว่าจะไปไล่ยิงพวกมาคอมเม้น จะบ้าเหรอ ใครจะไปไล่หมด คนด่าเป็นพันคน ที่พูดว่ามีมีดในรถคือ นุชเซฟตัวเองกับเจสซี่ตลอด ไปถ่ายแบบต่างจังหวัดแค่2คน เราก็ผู้หญิงทั้งคู่ นอนโรงแรมเปลี่ยวๆ มันต้องมีอาวุธป้องกันตัวบ้าง เผื่อมีเหตุอะไร มันก็อาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง ที่บอกไปไม่ได้จะหมายถึงว่านุชเก่ง นุชอยากไล่ฟันคนที่มาเม้น เห้อ คิดกันได้ยังไง แค่อยากบอกว่าเราเซฟตัวเองกันตลอด แค่นั้นเอง ไม่ได้จะโชว์แอคหรือกร่างอะไร เพราะเราก็เป็น ผู้หญิงจะไปสู้อะไรกับผู้ชายได้ แค่ผู้หญิงอยากปกป้องหญิงที่รักแค่นั้นเองค่ะ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วยนะคะ

4.เรื่องที่บอกนุชเกาะเจสซี่กิน ถ้านุชบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง จะเชื่อกันมั้ยละ เพราะเราไปห้ามความคิดคนร้อยพันไม่ไหวหรอก นุชไม่เคยเกาะเจสกิน นุชมีบ้าน มีรถ มีแบรนครีม ขายครีมหาเงินมาตั้งแต่อายุ17-18 นุชมีเงินเก็บ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แล้วตอนนุชคบกับเจสแรกๆ นุชมีผู้ติดตาม แสนกว่าคน ตอนนั้นเจสไม่มีเลย คนไลค์ประมาน100 กว่า ตอนนั้นเจส “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” ก็ไม่มีเงินเพราะอย่างที่เห็นข่าว ครอบครัวเจสโดนโกง 65 กว่าล้าน ไม่เหลืออะไรเลย

5.นุชเองที่เป็นคนให้เงินเจสใช้ เป็นคนเปลี่ยนแปลงเจส ให้เจสดูดีขึ้น โตขึ้น ดึงเจสจากจุดที่ไม่มีอะไรเลย แล้วคนก็เริ่มติดตามเจสเยอะมาก ด้วยความที่มันสวยแล้วคนก็เลยสนใจมากกว่านุชคนติดตามมันเลยเริ่มเยอะกว่า เป็นประมาน 2-3แสน นุชก็เป็นคนหางานไห้เจสเอง จนได้ถ่ายแบบ แล้วคนที่ชอบ ติดตาม จนมันมีคนติดตามเป็นล้าน ตอนนี้นุชกับเจส “เจสซี่ วาร์ด (Jessie Vard)” ก็กำลังจะมีอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน ทำมาด้วยกัน นุชทำงานเจสก็ทำงาน เรามีอาชีพทั้งคู่ ซึ่งนุชไม่มีเหตุผลต้องเกาะเจสเลย เรื่องนี้ถามเจสได้ว่าจริงไม่จริง

สุดท้ายถ้ามันมาถึงตอนนี้คือแก้อะไรไม่ได้ อะไรที่นุชผิดนุชขอโทษ อะไรที่นุชไม่ผิด นุชมาชี้แจงนะคะ ใครจะเกลียดก็คงต้องปล่อยไป ใครที่ให้กำลังใจก็ขอบคุณมากๆค่ะ ถ้าคุณรักใครซักคนมากๆ ก็คงอยากจะทำแบบนุชเหมือนกัน นุชขอแคร์แค่คนรอบข้างกับคนที่มองเราในด้านดีแล้วกันค่ะ ต่อไปนี้ขอปล่อยผ่านไม่ใส่ใจ แล้วใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ขอบคุณที่อ่านจบค่ะ” สู้ๆนะที่รัก เราตามไปแคร์คนอื่นไม่ได้ทั้งโลกหรอก แคร์แค่คนที่อยู่ข้างเรา คนในครอบครัวเรา คนที่เราต้องหาเลี้ยงเขาก็พอ

Cr.สนุก นิวส์,ที่นี่ดอทคอม,กรุงเทพธุรกิจ

Sunday, December 25, 2016

กล้องจุลทรรศน์ คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวด BME Innovation Award2016 จาก ผลงานนักศึกษา วิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.รังสิต ใช้สำหรับวิเคราะห์เซลล์ที่มีขนาดเล็ก พร้อมจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กล้องไมโครสโคป (Microscope)

กล้องจุลทรรศน์ คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวด BME Innovation Award2016 จาก ผลงานนักศึกษา วิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.รังสิต ใช้สำหรับวิเคราะห์เซลล์ที่มีขนาดเล็ก พร้อมจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ผลงานโครงงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้น กล้องไมโครสโคป (Microscope) ระดับปริญญาตรีของทีมนักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ม.รังสิต คว้ารางวัลชนะเลิศ ในการประกวด BME Innovation Award 2016 รับทุนการศึกษา จำนวน 10,000 บาท โครงงานสิ่งประดิษฐ์นี้เป็นนกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอลที่ใช้การสแกนโดยใช้อุปกรณ์ DMD (Scanning Confocal Microscope Using DMD Device)  พร้อมถ้วยรางวัล โดยมีผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 20 ทีม จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งจัดแข่งขัน ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

กล้องไมโครสโคป (Microscope) ดังกล่าวนิยมใช้ในทางจุลชีววิทยา ใช้ส่องในส่วนที่มีขนาดเล็ก ทั้งนี้ กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้กันทั่วไปจะมีความคมชัดไม่ทั่วทั้งภาพ แต่กล้องไมโครสโคป (Microscope) ของเราจะทำให้ได้ภาพที่ชัดในทุกๆ จุด ทำให้มีความพิเศษกว่ากล้องจุลทรรศน์ทั่วไป ผลงานนักศึกษา ม.รังสิต ได้แก่ นางสาวกชกร อิทธิพรนุสนธิ์ (มุก) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  นางสาวจารุวรรณ ชะฎา (บี) นางสาวภคพร พิมลสกลวงศ์ (แพร) นางสาวประกายกานต์ คูลีคันดาล (บีบี) และนางสาวพิมลแข ชอบดี (แข) โดยมี ดร.สื่อจิตต์ เพชร์ประสาน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ได้ผลิตผลงานกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอลที่ใช้การสแกนโดยใช้อุปกรณ์ DMD ซึ่งเป็นผลงานที่เราพัฒนาขึ้นมาเอง

กล้องจุลทรรศน์ดังกล่าวใช้สำหรับวิเคราะห์เซลล์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งทางการแพทย์สามารถใช้ตรวจความผิดปกติของเซลล์ได้ ทั้งนี้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ทั่วไปนั้นมีราคาสูงประมาณ 2-3 ล้านบาท แต่โครงงานที่ผลิตขึ้นมานี้ใช้ต้นทุนเพียง 2 หมื่นบาทต่อเครื่อง ซึ่งมีราคาถูกลงมาก แต่ยังคงประสิทธิภาพเทียบเท่ากล้องคอนโฟคอลแบบดั้งเดิม สามารถพัฒนาต่อยอดและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ เป็นการลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ผลงานดังกล่าวได้ทำการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางสาวกชกร กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ด้วยว่า "ทุกคนในกลุ่มรู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะว่าเป็นโครงงานกล้องไมโครสโคป (Microscope)ที่เราทุ่มเทมาก ทุกคนไม่เคยผ่านเวทีประกวดมาก่อน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกเมื่อได้รางวัลก็รู้สึกดีใจ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตลาดด้านกล้องจุลทรรศน์ในประเทศไทย และได้นำสิ่งที่เรียนในห้องเรียนไปใช้ รวมทั้งได้ประสบการณ์นอกห้องเรียน ทำให้เราได้รู้จักวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาเอง โดยมีอาจารย์ให้คำแนะนำปรึกษาด้วยค่ะ

Cr.ไทยโพสต์

สาวโสดญี่ปุ่น ออกเดท กับหนุ่มครั้งแรก ในวันคริสต์มาสอีฟ ช่วงเวลาอันหอมหวานในเทศกาลคริสต์มาสนี้ แม้หลังจากนั้นจะไม่พบกันอีกก็ตาม แต่ก็อาจมีโอกาศได้แต่งงานหลังจากนั้น

คริสต์มาส


สาวโสดญี่ปุ่น ออกเดท กับหนุ่มครั้งแรก ในวันคริสต์มาสอีฟ ช่วงเวลาอันหอมหวานในเทศกาลคริสต์มาสนี้ แม้หลังจากนั้นจะไม่พบกันอีกก็ตาม แต่ก็อาจมีโอกาศได้แต่งงานหลังจากนั้น


วันคริสต์มาสนอกจากเป็นวันสำคัญในคริสต์ศาสนาแล้วยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ของผู้คนทั่วโลก โดยไม่แบ่งแยกด้วยชาติหรือความเชื่อ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นนั้น เทศกาลคริสต์มาสถือเป็นโอกาสการเฉลิมฉลองที่สำคัญมากในหมู่หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น กระทั่งว่าในปีนี้มีผลสำรวจออกมาว่า สตรีที่มีสถานภาพโสดถึง 55% ยินดีออกเดทกับผู้ชายที่กล้าเข้ามาเชิญเธอในวันก่อนวันคริสต์มาส หรือ วันคริสต์มาสอีฟ เพื่อไม่ให้พลาดการมีช่วงเวลาอันหอมหวานในเทศกาลคริสต์มาสนี้

ผลสำรวจจากเว็บไซต์ฟอรั่มกระทู้จัดงานแต่งงาน Wedding Park ของญี่ปุ่น ทำการสำรวจหญิงสาวอายุระหว่าง 20-39 ปี ที่ยังไม่มีคนรักหรือแต่งงาน ว่าพวกเธอคิดอย่างไรหากมีผู้ชายมาขอออกเดทด้วยในวันคริสต์มาสอีฟ แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่ได้หรือไม่อยากพบกันอีก ทำนองว่าเดทกันแค่วันเดียว ก็พบว่าผู้หญิงถึง 55% สนใจหรือตกลง หากได้รับข้อเสนอนี้ บางกระแสก็ตั้งสมมติฐานว่า เทรนด์นี้เริ่มฮิตขึ้นเพราะมีนักแสดงแต่งงานเพียงออกเดทเพียงไม่ถึงเดือน

ในจำนวนนี้ยังแบ่งระดับความสนใจออกเป็น 3 ระดับ คือ สนใจมากที่ 9.1% ที่ตอบว่า แน่นอน รองลงมาคือ แสดงความสนใจการออกเดทแบบนี้แบบกลางๆ อยู่ที่เกือบ 16% ส่วนอีก 30.4% ซึ่งเป็นกลุ่มที่มากที่สุดตอบแบบผ่านๆ ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นใดๆ บางกระแสก็ตั้งสมมติฐานว่า เทรนด์นี้เริ่มฮิตขึ้นหลังข่าวความสัมพันธ์ของ มะกิ โอะริคิตะ นักแสดงหญิง ที่ประกาศแต่งงานกับเพื่อนนักแสดง โคะจิ ยะมะโมะโตะ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากออกเดทกันแค่เพียง 1 เดือน

อย่างไรก็ดี กลุ่มสำรวจที่ตอบรับการมีช่วงเวลาแสนโรแมนติกเฉพาะวันสำคัญนี้ก็ให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า พวกเธอยินดีที่จะไปเดทกับแฟนหนุ่มคริสต์มาสอีฟ หากมันจะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องรู้สึกเหงาที่ไร้คนข้างกาย โดยหญิงสาวที่เข้าร่วมทำการสำรวจทั้งช่วงอายุ 20 และ 30 ปี ยังแสดงความคาดหวังตรงกันว่า ถ้าการเดทในวันนั้นทำให้ทั้งเธอและเขารู้สึกพิเศษมากๆ การพัฒนาความสัมพันธ์หลังจากนั้นก็มีโอกาสเป็นไปได้

ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ ญี่ปุ่นยังมีเทรนด์การสานสัมพันธ์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การแต่งงานกันของคนที่รู้จักกันหรือเพื่อนกัน โดยที่ไม่ได้คบหากันแบบคนรักมาก่อนหน้านี้ อาทิ เว็บฟอรั่ม Matome Naver ของ NHN Japan ผู้ก่อตั้งแอพพลิเคชั่นสนทนา Line มีการรายงานว่า ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเริ่มหันมาแต่งงานกับเพื่อนหรือคนรู้จัก โดยไม่ได้มีความชอบพอแบบคนรักมาก่อน ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ทั้งอายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่เพื่อประหยัดเวลาและเงินที่ใช้ไปกับการเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกันแบบคนรัก

Cr.โพสต์ทูเดย

Saturday, December 24, 2016

สิ่งทอ จากเส้นใยโลหะ ความมหัศจรรย์ที่สามารถหาดูโครงสร้างลายทอเล็กระดับไมครอน เล็กกว่ามิลลิเมตร ได้จากกล้องจุลทรรศน์ ผลงานจากดีไซเนอร์รางวัลดีไซเนอร์ประจำปี (DEmark)

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


สิ่งทอ จากเส้นใยโลหะ ความมหัศจรรย์ที่สามารถหาดูโครงสร้างลายทอเล็กระดับไมครอน เล็กกว่ามิลลิเมตร ได้จากกล้องจุลทรรศน์ ผลงานจากดีไซเนอร์รางวัลดีไซเนอร์ประจำปี (DEmark)


ดีไซเนอร์สิ่งทอ ผู้ไม่ยึดติดอยู่ใน Comfort Zone กล้าคิดและกล้าทำโดยนำเส้นใยโลหะมาถักทอสร้างความโดดเด่นให้ชิ้นงานในชื่อแบรนด์ Ausara Surface  แรงบันดาลใจของ 'จารุพัชร อาชวะสมิต’ ดีไซเนอร์สิ่งทอ ทำให้ได้รับรางวัลดีไซเนอร์ประจำปี ด้านสิ่งทอจาก Design Excellence Award (DEmark) ดีไซเนอร์สิ่งทอที่หลงใหลความแปลกใหม่ ถูกจุดพลุตั้งแต่วัยประถม 1 ระหว่างเล่นซนรอเวลาเลิกงานของคุณแม่ (ภัทรา อาชวะสมิต) ซึ่งเป็นนักวิชาการอยู่ที่กรมวิชาการเกษตร เธอนำผ้าเช็ดหน้าลวดลาย Hello Kitty ไปส่องผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope)หรือกล้องจุลทรรศน์ จึงสามารถเห็นโครงสร้างลายทอเล็กระดับไมครอน ที่ปรากฏแก่สายตาคือความมหัศจรรย์ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวสู่เส้นทางสิ่งทอในวันนี้

แรงบันดาลใจจากคุณยาย ที่สมัยเด็กๆ 'จารุพัชร อาชวะสมิต’ ดีไซเนอร์สิ่งทอ รางวัลดีไซเนอร์จาก Design Excellence Award (DEmark) ช่วงปิดเทอมมักใช้เวลาอยู่กับท่านซึ่งมีงานเย็บปักถักร้อยติดมืออยู่เสมอ และได้ส่งต่อฝีไม้ลายมือให้หลานสาวทั้งเย็บมือและเย็บจักร ปักผ้า ถักนิตติ้งและโครเชต์ ช่วงเรียนมัธยม 5 'จารุพัชร อาชวะสมิต’ สอบเทียบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาศิลปะอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำให้ได้เรียนทอผ้าสมใจ เมื่อเรียนจบก็สอบชิงทุนรัฐบาลไปเรียนต่อในศาสตร์ของการทอผ้า แล้วกลับมาเป็นอาจารย์สอนวิชาการออกแบบสิ่งทอและทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

บนเส้นทางสายธุรกิจ 'จารุพัชร อาชวะสมิต’ เปิดบริษัทผลิตผ้าทอจากวัสดุทางเลือกทั้งโลหะและคาร์บอนไฟเบอร์ร่วมกับเพื่อน (โชษณ ธาตวากร)  เป็นการทำงานที่สนุกและท้าทายมากกับการสร้างวัสดุใหม่ ที่ไม่เคยมีในท้องตลาด เราเป็นเจ้าของนวัตกรรมเอง ออกแบบวัสดุตามคุณสมบัติที่เราอยากให้เป็น เช่น สแตนเลส หากอยากให้มีน้ำหนักเบา โปร่งแสงและเรียบลื่น เราก็ต้องออกแบบเส้นยืนให้เล็กระดับไมครอน เทียบขนาด 1 มิลลิเมตร = 1,000 ไมครอน ที่สามารถดูได้จาก กล้องไมโครสโคป (Microscope)หรือกล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างลายทอเล็กระดับไมครอน

เราเป็นเจ้าของนวัตกรรมเอง สร้างวัสดุใหม่ ที่ไม่เคยมีในท้องตลาด  ต้องออกแบบกี่ทอผ้าใหม่เลย ทำการปรับตัว feed เส้นพุ่ง ปรับการเก็บผ้าที่ทอเสร็จแล้วว่าเก็บอย่างไรให้ผ้ายังคงสวยเงางามเป็นงานที่ภูมิใจมากๆ เพราะเราเป็นเจ้าของนวัตกรรมที่ทำให้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจที่ทำจากวัสดุโลหะขนาดเล็กระดับไมครอน 1,000 ไมโครเมตรหรือไมครอน สามารถเทียบได้กับ  1 มิลลิเมตร ดูผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope)หรือกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งต้องมีความละเอียดมาก แต่อย่างไรก็ตามก็ได้รับการตอบรับดีมากจากทั้งอุตสาหกรรมตกแต่งภายในและแฟชั่น ที่มีน้ำหนักเบา โปร่งแสงและเรียบลื่น

งานทุกงานที่ทำ ทำเพราะรัก ทำเพราะอยากทำ เป็นคนที่โชคดีที่ Work is play and play is work. คือเล่นก็กลายเป็นงาน งานก็สนุกจนเหมือนเล่น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มีอิทธิพลมากในเรื่องของนิสัย ความชอบและอาชีพ โดยนิสัยส่วนตัวชอบความเสี่ยง ไม่กลัวที่จะต้องเจอปัญหา และเป็นคนที่ไม่ชอบติดอยู่ใน Comfort Zone เพราะจะทำให้คุ้นเคยกับความสบายและเริ่มกลายเป็นความเฉื่อยชา ขี้เกียจ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่คิด ไม่ทำอะไรใหม่ หยุดอยู่กับที่  จารุพัชร ดีไซเนอร์สิ่งทอ กล่าว

ทุกปีที่  จารุพัชร ดีไซเนอร์สิ่งทอ จะพยายามหาเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ มีทั้งที่ไปกับเพื่อนและไปเพียงลำพัง ล่าสุดเมื่อเมษายนที่ผ่านมาใช้ชีวิตทัวร์ทั่วยุโรปเพียงคนเดียว ไปเดนมาร์ก ฟินแลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอังกฤษ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะและนิทรรศการ จนชุ่มฉ่ำใจ  เที่ยวครบเดือนแล้วก็หอบแรงบันดาลใจกลับมาสร้างสรรค์สุดยอดผลงานให้กับวงการสิ่งทอไทย

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

สวนนงนุช พัทยา จัดงานต้อนรับเทศกาล คริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะที่ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เผชิญหน้าพายุไต้ฝุ่น ‘นกเตน’ ต้อนรับงานคริสต์มาส อพยพประชาชนหลายพันคนออกจากหมู่บ้านบริเวณชายฝั่ง ไปยังที่ปลอดภัย

คริสต์มาส


สวนนงนุช พัทยา จัดงานต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะที่ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เผชิญหน้าพายุไต้ฝุ่น ‘นกเตน’ ต้อนรับงานคริสต์มาส อพยพประชาชนหลายพันคนออกจากหมู่บ้านบริเวณชายฝั่ง ไปยังที่ปลอดภัย


ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น‘นกเตน’ หรือที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่า ‘นีน่า’ ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนตอนนี้อยู่ในระดับซุปเปอร์ไต้ฝุ่น โดยในวันเสาร์ตามเวลาไทย เวลา 16:00 น.  มันมีความเร็วลมอยู่ที่ 240 กม./ชม. และความเร็วลมกระโชกที่ 295 กม./ชม. กำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 15 กม./ชม. และคาดว่าจะคงความรุนแรงเอาไว้ที่ระดับนี้จนกระทั่งมันเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในจังหวัด กาตันดัวเนส ทางตะวันออกของประเทศ

เผชิญหน้าพายุไต้ฝุ่น ต้อนรับงานคริสต์มาส ที่ประเทศฟิลิปปินส์  จากรายงานของสำนักงานบริหารด้านบรรยากาศ, ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ ของฟิลิปปินส์ คาดการณ์ว่า ‘นกเตน’ ซึ่งถูกจัดให้เป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่น พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในจังหวัด กาตันดัวเนส ทางตะวันออกของประเทศ ในช่วงบ่ายหรือเย็นของวันนี้  25 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาส ขณะที่ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วมของสหรัฐฯ ระบุว่า หลังขึ้นฝั่งพายุไต้ฝุ่นลูกนี้จะอ่อนกำลังอย่างช้าๆ จากได้รับผลกระทบจากพื้นดิน แต่จะยังมีความรุนแรงระดับพายุไต้ฝุ่น

วานนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของประเทศฟิลิปปินส์ออกคำสั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากหมู่บ้านบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศ จังหวัด กาตันดัวเนสเพื่อหนีพายุ ‘นกเตน’ ซึ่งถูกจัดให้เป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ที่คาดว่าจะขึ้นฝั่งในช่วงวันคริสต์มาสปลายสุดสัปดาห์นี้ และจะทำให้เกิดคลื่นลมแรงและฝนตกหนักในหลายพื้นที่รวมทั้งที่กรุงมะนิลา

ด้านนาง มีนา มาราสิกัน โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังช่วยอพยพผู้คนที่ตกค้างในเมือง ทาบาโก ซิตี ในจังหวัดอัลเบย์ เพื่อหนีไต้ฝุ่นนกเตน หลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งจังหวัดอัลเบย์เริ่มอพยพไปยังที่ปลอดภัยหรือพื้นที่สูงแล้ว เช่นเดียวกับชาวบ้านตามแนวชายฝั่งจังหวัดกามาริเนส ซูร์ และ กามาริเนส นอร์เต ที่ถูกสั่งให้อพยพไปยังที่หลบภัยชั่วคราวก่อนที่ไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ในช่วงคริสต์มาส

โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ นางมาราสิกันระบุด้วยว่า ไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ในช่วงคริสต์มาส เจ้าหน้าที่ยังเพิ่มระดับการเตือนภัยไต้ฝุ่นใน 9 จังหวัดตามแนวชายฝั่งทางตะวันออก สั่งระงับการเดินทางทางบก, เรือ และอากาศจนกว่าจะพ้นวันอาทิตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ นักท่องเที่ยวหลายพันคนต้องติดค้างอยู่ที่อาคารผู้โดยสารของสนามบินต่างๆ

ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้วฟิลิปปินส์จะเผชิญพายุไต้ฝุ่นประมาณ 20 ลูก โดยไต้ฝุ่นนกเตนหรือที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่า ‘นีน่า’ ถือเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 13 จากพายุ 26 ลูกที่พัดเข้าสู่แดนตากาล็อก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 1948 มีเพียง 7 ครั้งเท่านั้นที่ไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ในช่วงคริสต์มาส

ส่วนในบ้านเรา ที่สวนนงนุชพัทยา จัดงานต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยนักท่องเที่ยวร่วมงานนับพันคน อย่างคึกคัก โดยการนำลูกช้างแสนรู้แต่งชุดซานตาคลอส และชายงามแต่งกายเป็นซานตี้ ออกมาเต้นสร้างสีสัน สร้างความสนุกสนาน และแจกของขวัญ ส่งความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวทุกเชื้อชาตินับพันชีวิตที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สร้างสีสัน สร้างความสนุกสนาน และการแสดงบนเวทีที่นักท่องเที่ยวจะต้องพบกับความประทับใจอย่างแน่นอน
         
โดยในปีนี้ สวนนงนุช พัทยา ได้จัดการแสดงชุดพิเศษในรอบการแสดงช้างแสนรู้ ภายในโรงละครนงนุชเธียเตอร์ ด้วยการนำช้างแสนรู้ จำนวน 7 เชือก อายุระหว่าง 2-3 ปี ประกอบด้วย พังโจโจ้ พังธรรมนูญ พังตะวันฉาย พังเลม่อน พังชมพู่ และพังยิ่งรวย ซึ่งล้วนเป็นช้างแสนรู้ขี้เล่น และมีความเฉลียวฉลาด แต่งกายในชุดซานตาคลอส ควบคู่กับเหล่านางฟ้าซานตี้ เต้นสร้างความสุขที่ตื่นตาตื่นใจ และสร้างความสนุกสนานให้แก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.59-3 ม.ค.60

Cr.ข่าวไทยรัฐ,ผู้จัดการ

Thursday, December 22, 2016

นวัตกรรมใหม่ สเต็มเซลล์ จากเลือด รักษาข้อเสื่อม เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในเมืองไทย โดย โรงพยาบาลตำรวจ ลดการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


นวัตกรรมใหม่ สเต็มเซลล์ จากเลือด รักษาข้อเสื่อม เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในเมืองไทย โดย โรงพยาบาลตำรวจ ลดการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่ 


วิธีการรักษาข้อเสื่อมแต่เดิมนั้น จะใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาข้อเทียมใส่ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีและใช้ได้ 10-15 ปี แต่ปัญหาคือคนที่อายุมากขึ้นก็ต้องมาผ่าตัดเปลี่ยนใหม่อีก แต่วิธีใหม่นวัตกรรมใหม่คือการปลูกกระดูกอ่อนจะทำให้ใช้การได้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ทั่วโลกมีการปลูกกระดูกอ่อนที่สำเร็จหลายวิธี อาทิ การคีบกระดูกอ่อนที่อยู่ในเข่าออก แล้วนำไปเพาะประมาณ 8 อาทิตย์ เหมือนเอาเด็กไปเลี้ยงแล้วค่อยนำไปคืน วิธีนี้ต้องใช้ห้องแล็บที่สร้างด้วยงบประมาณมหาศาล และการนำเข็มดูดเซลล์ต้นกำเนิดจากเชิงกรานออกมาแล้วนำไปปั่นอีก แต่วิธีนี้มีข้อจำกัด ทำให้เราคิดว่า ทำไมไม่เอาเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดออกมา ด้วยการกรองเหมือนกับวิธีการรักษาเซลล์มะเร็งในเม็ดเลือด พร้อมสารเจริญเติบโตจากเลือดเพื่อสร้างกระดูกอ่อนผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) ใช้เพื่อดูการเชื่อมต่อในกระดูกอ่อน จนประสบผลสำเร็จ

ผู้สูงอายุในเมืองไทยกว่า 1 ล้านคนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรค "ข้อเสื่อม" และถึงขั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยน "ข้อเทียม" มากกว่า 1 หมื่นรายต่อปี แต่ทว่า "ข้อเทียม" มีอายุการใช้งานแค่ 10-15 ปีเท่านั้น  พ.ต.อ.นพ.ธนา ธุระเจน นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลตำรวจ จึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ "เซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) จากเลือดพร้อมสารเจริญเติบโตเพื่อสร้างกระดูกอ่อนผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope)" ครั้งแรกในเมืองไทย
 
นวัตกรรมใหม่ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ "เซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) จากเลือดนั้น จึงต้องยื่นขออนุมัติการศึกษาเพื่อผ่านคณะกรรมการจริยธรรมศีลธรรมจากทั้งโรงพยาบาลตำรวจ และแพทยสภาก่อนแล้วได้รับอนุมัติจึงค่อย เริ่มค้นคว้าวิจัยมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นมา โดยจะแบ่งเป็นสามขั้นตอน คือ การใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ชนิด E-Microscope ที่มีกำลังขยาย 2,000 เท่า ซึ่งทำให้รู้ว่าเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดนั้น หลังจากมีการปลูกเซลล์ต้นกำเนิดแล้ว ใช้เพื่อดูการเชื่อมต่อในกระดูกอ่อน และศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพเบื้องต้น และการติดตามผลการรักษาภายในหนึ่งปี โดยเริ่มรักษาคนไข้รายแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 เป็นผลสำเร็จ

คนที่มาทำสเต็มเซลล์เพื่อรักษาข้อเสื่อมควรจะมีอายุน้อยกว่า 60 ปี กระดูกไม่ควรผิดรูปมากนัก รักษาด้วยวิธีกินยาแล้วไม่ดีขึ้น และไม่เป็นโรคแทรกซ้อนอย่างรูมาตอย ด์และเกาต์ ซึ่งเมื่อมีการตรวจแล้วว่าผ่านเกณฑ์ที่จะรักษาในวิธีนี้ ขั้นตอนแรก จะนัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด ก่อนจะให้ฉีดยากระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดก่อน แล้วนำมาเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากเครื่องเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่ซื้อมาราคาประมาณ 3 ล้านบาท เครื่องนี้จะใช้แสงเพื่อดูเซลล์ โดยเซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะมีการหักเหของแสงต่างจากเซลล์ปกติ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะนำเซลล์ต้นกำเนิดมานับจำนวนว่าครบ 10 ล้านเปอร์ซีซีหรือไม่
 
หลังจากนั้น นัดคนไข้มาเพื่อส่อง กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขนาด 3 มิลลิเมตร เพื่อทำความสะอาดในข้อจะมีฝุ่น คนที่เป็นข้อเข่าเสื่อมนานๆ จะมีลักษณะขรุขระจากฝุ่นต่างๆ ถ้านำเซลล์เข้าไปมันจะไม่เกาะติดกัน หลังจากนั้นก็จะเจาะรูกระดูกอ่อนประมาณ 2 มิลลิเมตร แล้วค่อยฉีดเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดเข้าไป ประมาณ 10 ล้านเซลล์เปอร์ซีซี ฉีดกระจายไปตามรูที่เจาะไว้ มันจะเข้าไปช่วยกันซ่อมตัวเองกับสเต็มเซลล์ที่อยู่ในเลือดข้างในประมาณ 3 ล้านซีซี ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ พักโรงพยาบาลหนึ่งวันแล้วกลับบ้านได้ และนัดให้มาฉีดเซลล์ต้นกำเนิดครั้งที่ 2 ในอีก 7 วัน
 
หลังจากติดตามผู้ป่วยหลังจากรักษาประมาณ 6 เดือน ผู้ป่วยทุกรายไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องกินยาในหนึ่งเดือน และไม่จำเป็นต้องผ่าตัดด้วยข้อเทียม แม้ว่าในระยะแรกอาจต้องใช้ไม้เท้าบ้าง เพราะการเชื่อมกันของเซลล์ต้นกำเนิดยังไม่สมบูรณ์ แต่ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ ตอนนี้ต้นทุนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาทต่อคน ซึ่งเป็นทุนได้รับมาจาก พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ และ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ จากมูลนิธิเวชดุสิต ตอนนี้ทำการรักษาไปแล้ว 20  คน เหลืออีกแค่ 10 กว่าคนก็จะปิดโครงการ และจะรายงานแพทยสภาว่า การรักษาด้วยวิธีนี้มีประโยชน์ต่อมนุษย์ ก็จะอนุมัติการรักษา ซึ่งคิดว่าปลายๆ ปีน่าจะเปิดการรักษาได้อย่างเป็นทางการ

ในอนาคตก็จะซื้อตู้เย็นมาแช่เซลล์ต้นกำเนิดนี่ได้เพื่อนำมาแช่ไว้ เพื่อรักษาคนไข้ถ้าคนไข้เกิดอุบัติเหตุก็สามารถเอามาเชื่อมต่อกันได้ทันที เพราะการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดต้องทำขณะที่ร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้ กระดูกอ่อนของมนุษย์มีชุดเดียว ถ้าตัดไปแล้วเพื่อเปลี่ยนข้อเทียมก็จะต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งการคิดค้นการรักษาด้วยกระบวนการตามธรรมชาติ จะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด  เรามีความคาดหวังในเชิงป้องกัน หากสามารถเก็บกระดูกอ่อนมนุษย์ของแท้ได้ ในอนาคตอันใกล้ถ้าเราสามารถรักษากระดูกอ่อนได้ คนไข้ที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมก็จะลดลง ทั้งนี้ คนไข้อายุต่ำกว่า 60 ปีที่มีจำนวน 1 ใน 3 ของประชาชนก็จะช่วยลดรายจ่ายจากค่ายา ค่าผ่าตัดต่างๆ เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดที่ใช้รักษาเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว ซึ่งหากไม่พยายามรักษาป้องกันข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีอื่น ก็จะทำให้การสั่งซื้อข้อเทียมเข้ามามากขึ้น และมีราคาสูงเพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงสนใจศึกษาในเรื่องนี้

Cr.คมชัดลึก

Wednesday, December 21, 2016

กระทรวงการคลัง กำชับธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธ.ก.ส. เร่งโอนเงินผู้มีรายได้น้อยภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วน รายชื่อผู้มีรายได้น้อย ที่มีปัญหาจะนำรายชื่อเสนอ ครม.เพื่อขยายเวลาผู้มีสิทธิได้รับเงิน

รายชื่อผู้มีรายได้น้อย ธนาคารออมสิน


กระทรวงการคลัง กำชับธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย  และ ธ.ก.ส. เร่งโอนเงินผู้มีรายได้น้อยภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วน รายชื่อผู้มีรายได้น้อย ที่มีปัญหาจะนำรายชื่อเสนอ ครม.เพื่อขยายเวลาผู้มีสิทธิได้รับเงิน


การโอนเงินตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่าน 3 แบงก์รัฐ ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย 8.04 ล้านราย แบ่งเป็นผู้พร้อมรับโอนเงิน เพราะมีบัญชีเงินฝาก 7 ล้านราย ขณะนี้ทั้ง 3 แบงก์โอนเงินไปให้ชาวบ้านแล้ว 6.1 ล้านราย เป็นเงิน 14,107 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง กำชับแบงก์รัฐเร่งโอนเงินผู้มีรายได้น้อยผู้มีเลขบัญชีภายในเดือนธันวาคม นี้
     
สำหรับ รายชื่อผู้มีรายได้น้อย ที่มีปัญหา กระทรวงคลังพร้อมตรวจสอบรายชื่อไม่เกิน 15 วัน นับตั้งแต่ส่งรายชื่อมาให้ตรวจสอบ ส่วนรายชื่อที่ทยอยมาเปิดบัญชีเพิ่ม คาดว่าแบงก์รัฐจะโอนเงินได้ตามกำหนดในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม ส่วนที่มีปัญหาทยอยร่วมกันแก้ไข และเป็นกลุ่มที่มีสิทธิได้รับเงิน จึงต้องทำเรื่องเสนอ ครม.พิจารณาเลื่อนเวลาออกไปช่วงเดือนมกราคมปี 2560 เพื่อให้รายย่อยได้รับเงินตามที่มีสิทธิ
   
ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)พร้อมโอนเงินผู้มีรายได้น้อย 3.83 ล้านราย จ่ายเงินไปแล้ว 3.6 ล้านบาท นับเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 ในส่วนรายชื่อผู้มีรายได้น้อย 1 ล้านราย ยังไม่มีบัญชีได้ทยอยมาเปิดบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส โดยไม่ต้องใช้เงินเปิดบัญชีกว่า 600,000 ราย จึงเหลือเพียงผู้มีรายได้น้อยทยอยมาเปิดบัญชี 260,000 ราย ส่วนที่เหลือต้องมาเปิดบัญชีให้เสร็จภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เพราะต้องโอนเงินให้เสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ตามที่ ครม.กำหนดไว้ จากนั้นจะเริ่มโอนเงินตามที่กำหนดไว้ แต่ยังมีประชาชนผู้มีสิทธิอีก 200,000 รายในส่วนของ ธ.ก.ส.ยังไม่มาติดต่อเปิดบัญชี กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผย
     
สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้มีรายได้น้อยแต่คุณสมบัติไม่ครบ จึงไม่ผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงคลังรอบนี้ 770,000 ราย แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1.รายชื่อ นามสกุล ไม่ตรงกับฐานข้อมูลกระทรวงหาดไทย จึงให้นำบัตรประชาชนล่าสุด มาปรับปรุงข้อมูลกับ ธ.ก.ส. เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลให้กับเกษตรกร ซึ่งได้มาแสดงตัวแก้ไขข้อมูลภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ 2.ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร แต่ไม่มีรายชื่อในฐานข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งได้มีการตรวจสอบข้อมูล และแก้ไขข้อมูลแล้ว 370,000 ราย จึงส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรตรวจสอบ

ในส่วนของธนาคารออมสิน ได้ดำเนินการโอนเงินตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ รายชื่อผู้มีรายได้น้อยซึ่งครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยทั้งที่อยู่ในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร เมื่อวันที่ 9 – 10 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา รวมจำนวน 1,286,820 ราย เป็นยอดเงิน 2,878,183,500 บาท จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ที่กระทรวงการคลังได้ส่งรายชื่อมายังธนาคารออมสินจำนวน 2,160,869 ราย โดยยังมีผู้ที่ลงทะเบียนกับธนาคารฯ ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากกระทรวงการคลังแล้ว อีกประมาณ 874,049 ราย ที่ธนาคารออมสินสืบค้นไม่พบบัญชีเงินฝาก

โดยธนาคารออมสินได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้รายชื่อผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่ลงทะเบียนจำนวนนี้มาติดต่อเปิดบัญชี เพื่อธนาคารฯ จะได้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีต่อไปนั้น ปรากฏว่า มีผู้ลงทะเบียนเดินทางมายังสาขาธนาคารออมสินเพื่อแสดงตนขอตรวจสอบคุณสมบัติ ตรวจสอบบัญชี ตลอดจนเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับการโอนเงิน ซึ่งธนาคารออมสินทยอยตรวจสอบข้อมูลบัญชีของผู้มีสิทธิ์ และในวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ธนาคารฯ ได้โอนเงินไปให้ผู้มีสิทธิ์ได้เพิ่มอีก 180,172 ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 433.24 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่เกษตรกรจำนวน 156,044 ราย รวมเป็นเงิน 377.75 ล้านบาท และกลุ่มที่เป็นเกษตรกรจำนวน 24,128 ราย เป็นเงิน 55.49 ล้านบาท

ธนาคารออมสิน จึงขอให้ผู้ลงทะเบียนกับธนาคารออมสินตรวจสอบรายชื่อผู้มีรายได้น้อย ของตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ และได้รับเงินโอนเข้าบัญชีแล้วหรือไม่ได้ที่เว็บไซต์ www.epayment.go.th และ www.gsb.or.th โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับการโอนเงิน เพียงมาเปิดบัญชีเงินฝากภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ซึ่งยังมีเวลาเพียงพอ โดยธนาคารออมสินจะเร่งโอนเงินโดยเร็วที่สุด” นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผย

Cr.บางกอกทูเดย์,ผู้จัดการ

ประธานมูลนิธิสิริวัฒนภักดี มอบกล้องผ่าตัดจุลศัลยกรรม (Microscope) แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ใน ศูนย์ฝึกผ่าตัด หน่วยประสาทศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ประธานมูลนิธิสิริวัฒนภักดี มอบกล้องผ่าตัดจุลศัลยกรรม (Microscope) แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ใน ศูนย์ฝึกผ่าตัด หน่วยประสาทศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ


คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ประธานมูลนิธิสิริวัฒนภักดี มอบกล้องผ่าตัดจุลศัลยกรรม (Microscope) หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูง จำนวน 10 เครื่อง มูลค่า 23,000,000 บาท (ยี่สิบสามล้านบาท) ให้แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านทาง หน่วยประสาทศัลยศาสตร์ เพื่อใช้ใน ศูนย์ฝึกผ่าตัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยมี ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี, รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผน และพัฒนา และ รศ.นพ.ธันวา ตันสถิตย์ หัวหน้าศูนย์ฝึกผ่าตัด ร่วมรับมอบกล้องจุลทรรศน์

จุลศัลยกรรมคือการทำศัลยกรรมที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ร่วมกับอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ ในการผ่าตัดเนื้อเยื่อที่มีขนาดเล็กมากๆที่จำเป็นต้องใช้กล้องจุลทรรศกำลังขยายสูงมาช่วยในการมองขณะทำการผ่าตัด ส่วนใหญ่มักจะเป็นการผ่าตัดเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของเส้นเลือด และเส้นประสาท  โดยการใช้กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูง ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงแบบ 3 มิติ ช่วยขยายให้แพทย์สามารถมองเห็นส่วนต่างๆ ได้ชัดเจน โดยเฉพาะความผิดปกติที่อยู่ในสมองส่วนที่อยู่ลึก หรือมือทีมีเนื้อเยื่อของเส้นเลือด และเส้นประสาท ทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำ ปลอดภัย และได้ผลการรักษาดีกว่าการผ่าตัดโดยอาศัยตาเปล่ามือ

หรือ การผ่าตัดเนื้อเยื่อที่มีขนาดเล็กมากๆที่จำเป็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงมาช่วยในการมองขณะทำการผ่าตัดมือซึ่งเป็นอวัยวะที่มีลักษณะการใช้งานที่พิเศษ มีประสาทสัมผัสที่ละเอียดอ่อน มีการเคลื่อนไหวที่วิเศษใช้งานได้ตั้งแต่งานหยาบๆ เช่นการหยิบจับธรรมดา ไปจนถึงงานละเอียดมากๆ เช่น การเจียระไนอัญญะมณี รวมไปถึงงานสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างตา สมอง และการใช้มืออย่างรวดเร็วและถูกต้อง เช่น การเล่นเปียโน การเล่นกีต้าร์ เป็นต้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงขอยกตัวอย่างการผ่าตัดด้วยใช้กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูง กับมือและนิ้วเป็นกรณีศึกษาเพื่อให้เห็นภาพด้วยกล้องกล้องผ่าตัด  เนื่องด้วยการทำให้มือของมนุษย์มีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ศัลยแพทย์มือจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดด้วยเทคนิคทางด้านจุลศัลยกรรมเพิ่มขึ้นอีกแขนงหนึ่งด้วยจึงจะสามารถรักษามือที่บาดเจ็บอย่างรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบาดเจ็บของมือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงานที่พบได้บ่อยที่สุด และมักจะเกิดกับผู้บาดเจ็บในภาคอุตสาหกรรมเป็นต้น  การรักษามือที่บาดเจ็บที่มีลักษณะต่างๆกันเพื่อให้ผลดีที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปใช้มือนั้นให้ประโยชน์สูงสุด เป็นภารกิจที่ต้องอาศัยความรู้และความชำนาญ ประสบการในการรักษาเป็นอย่างดี

ประโยชน์ของการใช้เทคนิคทางด้านจุลศัลยกรรมในการผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์
1.ใช้ในการต่ออวัยวะที่ขาด เช่น นิ้วขาด มือขาด แขนขาด
2.ใช้ในการผ่าตัดสร้างเนื้อเยื่อทดแทนส่วนที่ถูกทำลาย
3.ใช้ในการซ่อมสร้างเส้นประสาทที่ถูกทำลาย

เป็นที่ทราบกันดีว่า มือและนิ้วเป็นส่วนของร่างกายที่เกิดอุบัติเห็นได้บ่อยที่สุด การบาดเจ็บที่เกิดกับปลายนิ้วที่จำเป็นต้องรับการรักษาโดยการผ่าตัด บางครั้งก็ทิ้งความพิการที่ยอมรับได้ยาก ความพิการเหล่านี้จะติดตัวตลอดไป การแก้ไขแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับบาดเจ็บที่ปลายนิ้ว เรามีความจำเป็นที่จะต้องถามแพทย์ถึงผลการรักษาที่คาดว่าจะได้ให้เป็นที่เข้าใจให้ตรงกันเสียก่อน ก่อนเริ่มทำการรักษาทุกครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาด

ในปัจจุบันการผ่าตัดต่ออวัยวะที่ขาดด้วยเทคนิคทางด้านจุลศัลยกรรมโดยใช้กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องผ่าตัดที่มีกำลังขยายสูงนั้น เราสามารถใช้เทคนิคทางด้านจุลศัลยกรรมมาช่วยในการต่อมือ นิ้ว หรือแขน ที่ขาดออกจากร่างกาย ให้กลับคืนมา พอที่จะใช้งานได้อีก แม้ว่าจะไม่เหมือนเดิมทุกประการก็ตาม โดยมีข้อบ่งชี้กว้างๆในการพิจารณาว่าควรหรือไม่ควร ก็มีคร่าว ๆ คือ คนไข้ต้องมีสุขภาพแข็งแรงดีและสามารถทนต่อการผ่าตัดนานๆได้ สภาพของอวัยวะที่ขาดนั้น ต้องไม่เสีย การเก็บรักษาเนื้อเยื่อส่วนที่ขาดต้องเก็บมาอย่างถูกวิธี และต้องมีจุลศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ

Cr.แนวหน้า,โรงพยาบาลจุฬารัตน์

ลือหนักมาก จริงไหม ? ไฮโซม่านฟ้า หมั้นแล้วกับเศรษฐีชาวลาว เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในประเทศลาว เจ้าตัวต้องบินไปบินมาระหว่าง ไทย-ลาว บ่อยๆ ได้คำตอบจากเจ้าตัวโดยตรง

ไฮโซม่านฟ้า


ลือหนักมาก จริงไหม ? ไฮโซม่านฟ้า หมั้นแล้วกับเศรษฐีชาวลาว เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในประเทศลาว เจ้าตัวต้องบินไปบินมาระหว่าง ไทย-ลาว บ่อยๆ ได้คำตอบจากเจ้าตัวโดยตรง


ล่าสุดพอมีโอกาสเจอกับ “ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา”  บรรดาสื่อก็เลยต้องขอเข้าไปจ่อไมค์เคลียร์ข่าวเม้าท์ข้ามประเทศสักหน่อยว่า จริงหรือเปล่าที่เจ้าตัวเพิ่งจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับนักธุรกิจใหญ่ชาวลาว!? หลังจากเจ้าตัวหายหน้าหายไปตานานมาก  ไฮโซม่านฟ้า…เพราะเธอ ไฮโซม่านฟ้า มัวแต่วุ่นอยู่กับโปรเจคธุรกิจพันล้าน!!  ซึ่งงานนี้ทำเอาสาวถึงกับต้องรีบออกมาปฏิเสธด่วนๆ ว่า ตอนนี้สถานะหัวใจยังคงโสดสนิทเหมือนเดิมทุกอย่าง ส่วนข่าวลือที่บอกว่าหมั้นหมายแล้ว จริงๆ เป็นแค่การแซวกันในหมู่เพื่อนฝูงเท่านั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวต้องบินไปบินมาระหว่าง ไทย-ลาว บ่อยๆ แถมยังได้นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ใจดีเข้ามาให้ความช่วยเหลือ คนก็เลยอาจจะคิดกันไปเองว่าหนุ่มคนดังกล่าวคือว่าที่คนรู้ใจ…ไฮโซม่านฟ้า

ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า“ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา” กำลังจะหมั้น ? จริงไหม ?
“ไม่ใช่ ยังไม่หมั้นนะคะ ยังไม่ได้หมั้นกับใคร และก็ยังไม่ได้มีใครเป็นพิเศษด้วย แถมส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาพูดคุยกันทั่วไปมากกว่า เม้าท์นะคะ (หัวเราะ)”

แต่ตามข่าวที่ออกมาเขาบอกว่าหนุ่มที่จะหมั้นกับ“ไฮโซม่านฟ้า”เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ชาวลาว เลยต้องบินไปบินมาอยู่บ่อยๆ ?
“อ๋อ อันนั้นบินไปทำธุรกิจเฉยๆ (หัวเราะ) ซึ่งคนที่ม่านคุยงานด้วยเขาก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในประเทศลาว แถมยังเป็นคนที่คอยสนับสนุนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าของม่านด้วย จะเรียกว่าเป็นการร่วมทุนก็ได้ เพราะเราทำธุรกิจร่วมกัน ดังนั้นมันจึงมีสาเหตุที่ทำให้ต้องคุยกันบ่อยๆ”

แล้ว “ม่านฟ้า” งงไหมที่อยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมาว่าเรากำลังจะหมั้น ?
“หมั้นมองว่ามันน่าจะเป็นในลักษณะของการแซวกันมากกว่า คือแบบเวลาเพื่อนเจอเพื่อนก็จะแซวกันประมาณว่าหมั้นได้แล้วนะ แต่งได้แล้วนะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้มีอะไรเลย อย่างแหวนที่ม่านสวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นแหวนที่ม่านซื้อเอง เพราะว่าถ้าผู้ชายจะซื้อให้จริงๆ แหวนต้องใหญ่กว่านี้ค่ะ (หัวเราะ)”

เรียกว่าแต่ละคนที่“ไฮโซม่านฟ้า” มีข่าวด้วยนี่ต้องเป็นระดับมหาเศรษฐีอย่างเดียวเลย ?
“ก็อย่างที่ทราบเนอะ ตัวม่านอาจจะมีภาพลักษณ์อยู่ในพาร์ทนักธุรกิจมากกว่า มันก็เลยน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราเจอกับนักธุรกิจเยอะ ซึ่งถ้าหากม่านมาอยู่ในพาร์ทดารา ม่านก็อาจจะได้เจอกับดารามากกว่าก็ได้”

จริงๆ หนุ่มนักธุรกิจชาวลาวคนนี้มีลุ้นไหมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ กับ เรา “ม่านฟ้า ”  ?
“ยังค่ะๆ ยังไม่ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ขอคุยกันไปก่อนดีกว่าเนอะ แต่ถามว่าประทับใจเขาตรงไหน เอ่อ…ก็คงจะเป็นเรื่องที่เขามีความเป็นผู้ใหญ่สูง และก็มีความรู้ในเรื่องธุรกิจค่อนข้างหลากหลายด้าน แถมที่สำคัญคือทำธุรกิจเก่งมากๆ เลยค่ะ”

หนุ่มคนนี้อายุห่างกับ“ไฮโซม่านฟ้า” เยอะมากไหม ?
“ก็นิดหนึ่งค่ะ แต่ถามว่าม่านเปลี่ยนสเปคมาชอบคนอายุเยอะไหม เอ่อ…จริงๆ ม่านชอบคนอายุเยอะแล้วอยู่นะ คือม่านไม่ใช่ผู้หญิงแอ็บแบ๊วไง ม่านเป็นสายตรง (หัวเราะ) ตอบตรงๆ ค่ะ”

รู้สึกยังไงบ้างที่คนในประเทศลาวชมว่าเรา “ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา” เป็นสาวนักธุรกิจที่สวยมากๆ คนหนึ่ง ?
“ม่านก็ต้องขอบคุณคนลาวนะคะ เพราะเหมือนว่าเขาน่าจะชื่นชอบเราจากการที่เขาดูสื่อไทย เลยทำให้ค่อนข้างจำม่านได้ (ยิ้ม) ขนาดตอนที่ม่านเดินทางไปเวียงจันทร์เซ็นเตอร์ครั้งแรก คนยังกรี๊ดแบบว่าตัวม่านเองยังตกใจเลย เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตจะมีคนมากรี๊ดให้เราขนาดนั้น”

จะมีโอกาสไหมที่“ไฮโซม่านฟ้า” จะไปทำงานในวงการบันเทิงที่นั่น ?
“งานละครอาจจะไม่ใช่แนวม่านค่ะ แต่ถ้าเป็นธรุกิจก็พอไหวอยู่ เพราะอย่างงานพรีเซ็นเตอร์ก็มีติดต่อเข้ามาเยอะแล้วเหมือนกัน”

“ม่านฟ้า” มองว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะพร้อมแต่งงาน ?
“น่าจะ 35 นะคะ ถ้า 40 ก็อาจจะเยอะไป (หัวเราะ)”

Cr. Sanook

Tuesday, December 20, 2016

ยืนยันเป็น อุกกาบาตหินนอกโลก ตกทะลุหลังคาบ้าน ที่ จ.พิษณุโลก มีต้นกำเนิดมาจากดาวเคราะห์น้อย หลังพิสูจน์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ยืนยันเป็น อุกกาบาตหินนอกโลก ตกทะลุหลังคาบ้าน ที่ จ.พิษณุโลก มีต้นกำเนิดมาจากดาวเคราะห์น้อย หลังพิสูจน์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด


ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เรามักจะได้ยินข่าวการพบวัตถุประหลาดในบ้านเราจากสื่อต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ส่วนมากแล้วจะคิดว่าเป็น อุกกาบาต จนบางครั้งก็แอบขำกับการให้ข้อมูลของสื่อที่มักจะรายงานตามกระแสข่าวมากกว่าการให้สาระเท็จจริง การด่วนสรุปโดยปราศจากการวินิจฉัยจากผู้เชียวชาญ และการเชื่ออย่างง่ายเกินไป มันบ่งบอกอะไร ในฐานะของผู้ยึดหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ลองมาฟังนักธรณีวิทยาและนักล่าอุกกาบาตก็มีหน้าที่ช่วยตรวจสอบและอธิบายความเข้าใจให้แก่พวกเราได้เข้าใจ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ก่อนที่เราจะสรุปว่าวัตถุประหลาดนั้นคืออุกกาบาต อยากจะให้ลองดูข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอุกกาบาตที่ได้เล่าเรื่องจากนักล่าอุกกาบาตผู้เชี่ยวชาญดูก่อน แล้วจะรู้จักอุกกาบาตมากขึ้น

อุกกาบาต (Meteorites) คือ ชิ้นส่วนของเหล็ก (irons) หิน (stones) หรือ ส่วนประกอบของหิน-เหล็ก (stony-iron) ที่ตกจากอวกาศผ่านบรรยากาศลงมาถึงพื้นโลก ตามที่มีข่าวว่ามีผู้พบวัตถุตกทะลุหลังคาบ้านที่พิษณุโลก ส่วนใหญ่เชื่อว่าอุกกาบาตมาจากกลุ่มดาวพระเคราะห์น้อยที่โคจรระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ บางก้อนก็มาจากดวงจันทร์และดาวอังคาร มีส่วนน้อยที่มาจากเศษแตกหักของดาวหางวัตถุ อุกกาบาตมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับการศึกษาส่วนประกอบภายในโลก โดยตั้งอยู่บนสมติฐานที่ว่ามันเป็นชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ที่มีส่วนประกอบคล้ายคลึงกับโลก อุกกาบาตอาจแยกได้เป็น 3 ประเภทโดยผ่าน กล้องไมโครสโคป (SEM Microscope) คือ ประเภทหิน  ประเภทเหล็ก ประเภทหิน-เหล็ก อุกกาบาตประเภทหินแบ่งย่อย เป็น 2 ชนิด คือ คอนไดร์ท (Chondrites) และ อคอนไดร์ท (Achondrites)

ตามที่ คุณป้าบัวล้อม ชโลมไพร และครอบครัว ผู้พบวัตถุตกทะลุหลังคาบ้านที่พิษณุโลก ดังกล่าว จำนวน 2 ชิ้น ให้แก่ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำมาศึกษาและตรวจสอบโดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC)  ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (Scanning Electron Microscope: SEM) หรือ กล้องไมโครสโคป (SEM Microscope) ผลการตรวจพิสูจน์เบื้องต้น พบว่า เป็นอุกกาบาตประเภทหินชนิดอะคอนไดรท์ โดยเป็นอุกกาบาตที่มีต้นกำเนิดมาจากดาวเคราะห์น้อย

นักวิจัยประจำห้องปฏิบัติการ SEM ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ พบว่า อุกกาบาตชนิดอะคอนไดรท์มีการค้นพบค่อนข้างน้อยเพียง 8% ของอุกกาบาตที่ตกบนพื้นโลก องค์ประกอบเบื้องต้นเป็นธาตุเหล็กผสมนิกเกิล ซึ่งแตกต่างจากองค์ประกอบของเหล็กบนโลกที่เป็นเหล็กออกไซด์ และแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ไพรอกซีน โอลีวีน และ ทรออิไลท์ หลังจากนี้ต้องใช้เวลาในการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกประมาณ 1-2 วัน จะทำให้ทราบประเภทย่อยของอุกกาบาตได้อย่างแน่ชัด อันจะทำให้ทราบว่ามาจากดาวเคราะห์ดวงไหน

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ สดร.กล่าวด้วยว่า ต้องขอขอบคุณป้าบัวล้อม ที่มอบชิ้นส่วนวัตถุดังกล่าวมาให้เราได้นำมาศึกษา อันเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากในการศึกษาเรียนรู้ และวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ และขอขอบคุณศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติที่อนุญาตให้ใช้ กล้องไมโครสโคป (SEM Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด เครื่องมือวิทยาศาสตร์ระดับสูงในการตรวจพิสูจน์อุกกาบาตดังกล่าว หลังจากนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จะนำข้อมูลที่ได้มาศึกษาวิจัยในรายละเอียด และตีพิมพ์เผยแพร่เป็นผลงานทางวิชาการต่อไป.

Cr.ไทยรัฐ

Monday, December 19, 2016

เทอมินอล 21 โคราช ศูนย์การค้า 6,000 ล้าน ท่าอากาศยานแห่งการชอปแห่งใหม่ ชาวอีสาน หลานย่าโม

เทอมินอล 21 โคราช


เทอมินอล 21 โคราช ศูนย์การค้า 6,000 ล้าน ท่าอากาศยานแห่งการชอปแห่งใหม่ ชาวอีสาน หลานย่าโม


เมือวานนี้  ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) ท่าอากาศยานแห่งการชอปแห่งใหม่ ชาวอีสานหลานย่าโม ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการบริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด เป็นประธานเปิด ศูนย์การค้า เทอมินอล 21 โคราช  (Terminal 21 Korat) ศูนย์การค้าแห่งใหม่แห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นทางการ โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา , ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, ประธานสภาพอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา คหบดี นักธุรกิจ ผู้นำองค์กรทั้งภาครัฐเอกชน และประชาชนโคราช และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก
     
นายอนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวเพียงสั้น ๆว่า วันนี้เป็นวันที่มีประชาชนเดินทางมาห้างเทอมินอล 21 โคราช เป็นจำนวนมาก และขอให้ทุกคนมีความสุข สนุกกับการชอปปิ้ง และการถ่ายภาพที่ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ก่อนนำแขกวีไอพีเดินชมจุดไฮไลท์ของห้างฯ โดยพิธีเปิดเป็นไปด้วยความเรียบง่ายเนื่องจากอยู่ในช่วงการไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายในงานพบกับ Royal Exhibition จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์แห่งความประทับใจของ รัชกาลที่ 9 และ รัชกาลที่ 10 ตลอดจนถึงพระบรมฉายาลักษณ์เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนที่จังหวัดนครราชสีมา
     
จากนั้นพิธีกรได้นำเข้าสู่กิจกรรม Celebrity Surprise Show โดยมีศิลปินดารานักแสดง ประกอบด้วย หมาก-ปริญ สุภารัตน์, พอร์ช –ศรัณย์ สิริลักษณ์, เบลล่า- ราณี แคมเปน เดินทางมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย สร้างความสุขและชื่นมื่นให้แก่แฟนคลับที่มาร่วมงานจำนวนมาก โชว์สุดเซอร์ไพรส์จาก 3 ดารานักแสดงชั้นนำ พลาดไม่ได้กับกิจกรรมและการแสดงสุดพิเศษที่จัดเตรียมไว้สำหรับชาวโคราชโดยเฉพาะ ณ ศูนย์การค้า เทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat)

เริ่มด้วย “Celebrity Surprise Show” โชว์สุดเซอร์ไพรส์จาก 3 ดารานักแสดงชั้นนำ ที่จัดขึ้นในวันนี้ ต่อเนื่องด้วย “The Royal Concert ร่วมบรรเลง ร้องเพลง พ่อ” ที่นำขบวนศิลปินคุณภาพมาร่วมร้องเพลงของ “พ่อ” ให้กึกก้องไปด้วยกัน นำโดย กั้ง-วรกร ศิริสรณ์ และ ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช ที่มาขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ร่วมกับวงซิมโฟนี ออร์เคสตร้า กองทัพอากาศ, แก้ม-วิชญาณี โดม-จารุวัฒน์ และตั้ม- วราวุธ ขับร้องร่วมกับวงซิมโฟนีแบนด์จากโรงเรียนสุรนารีวิทยา, โตโน่-ภาคิน แอนด์ เดอะดัสต์, แกงส้ม-ธนทัต, ฮั่น-อิสริยะ, ณัฐ ศักดาทร,ต้อล-วันธงชัย, คชา-นนทนันท์ และ บี้ สุกฤษฎิ์ เพื่อให้ชาวโคราชได้สนุกและมีความสุขกับท่าอากาศยานแห่งการช้อปปิ้งสุดทันสมัยแห่งนี้
     
ด้าน ประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นวันดีและวันสำคัญตามแผนที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้กับการเปิดให้บริการศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) อย่างเป็นทางการ ด้วยทำเลใจกลางเมืองบนพื้นที่ 32 ไร่ เดินทางสะดวก และเป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนในครอบครัวได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน ด้วยงบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานแห่งการชอปแห่งใหม่ ชาวอีสานหลานย่าโม ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา สัมผัสบรรยากาศมาร์เก็ตสตรีทจาก 7 มหานครแห่งการชอปปิ้งระดับโลก “sky deck” หอคอยชมทัศนียภาพเมืองโคราช แบบ 360 องศา พร้อมฮือฮาหอไอเฟลจำลองสูงเท่าตึก 5 ชั้น และบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
     
ศูนย์การค้า เทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) พร้อมด้วยอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สวนสนุกสำหรับคุณหนูๆ “ฟันเปกก้า” (Fanpekka) สวนสนุกแห่งการเรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่น แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะ หรือมุมอิ่มอร่อยสุดคุ้มที่ Pier21 ศูนย์อาหารคุณภาพที่รวบรวมจานเด็ดจากร้านดังของเมืองโคราชและจังหวัดอื่น ๆ ร่วมถึงโซน Kelly แหล่งช้อปของสาวๆ หรือ Klein โซนของหนุ่มๆ และโซนสำหรับคอรักกีฬา แผนก Sport World ที่แบ่งโซนตามประเภทกีฬาและแบรนด์ดังชั้นนำ
     
สำหรับ ศูนย์การค้า เทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) เป็นท่าอากาศยานแห่งการชอปปิ้งในรูปแบบชอปปิ้งมอลล์ 7 ชั้น บรรยากาศแบบมาร์เก็ตสตรีทจาก 7 มหานครแห่งการช้อปปิ้งระดับโลก เริ่มต้นด้วยชั้น LG ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ CARIBBEAN STREET,ชั้น GF ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ PARIS STREET, ชั้น 1F ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ LONDON STREET, ชั้น 2F ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ ISTANBUL STREET, ชั้น 3F ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ TOKYO STREET, ชั้น 4F ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศSAN FRANCISCO STREET      

ชั้น 5F ของ ศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศ HOLLYWOOD STREET นอกจากนั้นยังพบประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วยบันไดเลื่อนภายในศูนย์การค้าที่ยาวที่สุดในประเทศไทย, หอไอเฟลจำลองที่สูงถึง 72 ฟุต หรือเทียบเท่าตึก 5 ชั้น และแลนด์มาร์คสำคัญคือ “Skydeck” หอคอยชมทัศนียภาพ 360 องศาที่ถูกออกแบบให้เป็นหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานช้อปปิ้งสุดทันสมัย ด้วยความสูง 110 เมตร ทำให้“Skydeck” เป็นหอคอยชมทัศนีย์ภาพที่สูงที่สุดในภาคอีสาน
     
ทั้งนี้หลังจากการเปิดให้บริการศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช (Terminal 21 Korat) ครั้งนี้ ยังมีกิจกรรมที่ทางศูนย์การค้าจัดขึ้นอีกมากมาย อาทิ COOKIERUN SWEET ISLAND ครั้งแรกในประเทศไทยกับ หมู่เกาะขนมหวาน ของเหล่าคาแรคเตอร์ คุกกี้แสนซน พร้อมทั้งร่วม Meet & Greet อย่างใกล้ชิดกับเหล่า Cookierun ที่บินตรงมาจากเกาหลี  ในช่วงการเปิดศูนย์การค้าฯ แห่งใหม่นี้ มีการจัดโปรโมชั่น “Gift Voucher” ส่วนลด 50%” ใช้เป็นส่วนลดร้านค้ากว่า 150 ร้านค้า รวมมูลค่า 15 ล้านบาท เช่น สินค้าแฟชั่น สินค้าเครื่องสำอาง เครื่องดื่มและอาหาร อีกมากมาย

Cr.ผู้จัดการ

Sunday, December 18, 2016

“ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอน” จุดประกายนักวิทย์รุ่นเยาว์ กับเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


“ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอน” จุดประกายนักวิทย์รุ่นเยาว์ กับเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน


กิจกรรมค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอนที่ผ่านมาเกิดจากความร่วมมือของ ซินโครตรอน ร่วมกับ โรงเรียนจิตรลดา จัดกิจกรรม “ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอน” สำหรับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 มุ่งหวังปลูกฝังการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ เรียนรู้และทำความรู้จักกับเทคโนโลยีแสงซิน โครตรอน ณ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) จ.นครราชสีมา กิจกรรมในค่ายไม่เพียงแต่มีการบรรยายภาควิชาการเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยฐานการทดลองวิทยาศาสตร์ ที่ให้เด็กๆ ได้ลงมือทำการทดลองด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการแสดง Science Show ในหัวข้อ Laser microscope กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ ทำเองได้ด้วยการใช้แสงเลเซอร์และหยดน้ำที่สร้างความสนุก ตื่นเต้น แฝงไปด้วยความรู้แบบที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม พบเจอได้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

กิจกรรมค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอน เกิดขึ้นเนื่องจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงสนพระทัยและให้ความสำคัญกับงานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์มาตลอด โดยทรงมีพระประสงค์ให้นักเรียนในระดับประถมศึกษาได้รู้จักกับเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีขั้นแสงสูงที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ทางโรงเรียนจิตลดาจึงได้ประสานมาทางสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนร่วมกันจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่เน้นให้เด็กๆ ได้ตระหนักว่า กระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์นั้นมีความสำคัญอย่างไร อีกทั้งการจัดกลุ่มทำการทดลองเพื่อฝึกให้มีความทำงานร่วมกันเป็นทีม สร้างความสามัคคีในกลุ่มของนักเรียน อาจารย์ มีนา รอดคล้าย รองผู้อำนวยการฝ่ายประถมศึกษา โรงเรียนจิตรลดา เปิดเผย

ค่ายนักวิทยาศาสตร์น้อย...ท่องแดนซินโครตรอน จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสร้างแรงบันดาลใจการเป็นนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่รุ่นเยาว์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษากว่า 120 ชีวิต และคุณครูอีก 32 ท่าน โดยกิจกรรมประกอบไปด้วย การบรรยายความรู้เบื้องต้นของแสงซินโครตรอน การบรรยายพิเศษจาก ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ชื่อดัง และที่ถือเป็นไฮไลท์ของค่ายนี้คือ ฐานการทดลองที่จัดขึ้นในรูปแบบของ walk rally ทั้งหมด 10 ฐานการทดลอง อย่างเช่น ยังมีการแสดง Science Show ในหัวข้อ Laser microscope กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ทำเองได้ด้วยการใช้แสงเลเซอร์และหยดน้ำ

ยกตัวอย่าง 10 ฐานการทดลอง เช่น สเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โพลาไรเซชันของแสง สิ่งมีชีวิตจิ๋วรอบตัว เครื่องเปลี่ยนทรงผมสุดแนว ยาสีฟันช้าง เป็นต้น ซึ่งแต่ละฐานการทดลอง เด็กๆ จะมีส่วนร่วมในการออกแบบการทำการทดลองด้วยตัวเอง ฝึกการคิด การตัดสินใจ การทำงานร่วมกันเป็นทีม นอกจากนี้ยังมีการแสดง Science Show ในหัวข้อ Laser microscope กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ทำเองได้ด้วยการใช้แสงเลเซอร์และหยดน้ำ และปิดท้ายด้วย การประดิษฐ์ ขดลวดหมุนได้ (Homopolar motor) ของเล่นแนววิทยาศาสตร์ ที่เด็กๆ ได้ชิ้นงานนี้กลับบ้านอีกด้วย ศ.นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าว

Cr.บ้านเมือง

ท่อน้ำเลี้ยง จากสปอนเซอร์ กำหนดชะตาชีวิต สโมสรฟุตบอลไทย แต่อนาคต ไทยลีก มีความมั่นคง และเป็นมืออาชีพกว่านี้แน่นอน

ไทยลีก


ท่อน้ำเลี้ยง จากสปอนเซอร์ กำหนดชะตาชีวิต สโมสรฟุตบอลไทย แต่อนาคต ไทยลีก มีความมั่นคง และเป็นมืออาชีพกว่านี้แน่นอน


ตามที่เราได้ทราบกันแล้วว่า “มังกรไฟ” สโมสรบีอีซี เทโร ศาสน ประกาศขายทีมมาตั้งแต่จบฤดูกาล 2015 (พ.ศ. 2558) หลังต้องหล่นไปเล่นดิวิชั่น 1 ทว่า เคราะห์ดีที่สโมสรเพื่อนตำรวจ ติดปัญหาด้านตลาดหลักทรัพย์ จนต้องถูกตัดออกจากการแข่งขัน ทำให้ สโมสรบีอีซี เทโร ศาสน “มังกรไฟ” ยังสามารถผงาดรักษาสถิติเป็นทีมที่ไม่ตกชั้นไทยลีกนานที่สุด ตั้งแต่ปี 2539

แต่ถึงกระนั้น บมจ.บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้ขายหุ้นของ บริษัท บีอีซี เทโร ศาสน จำกัด ให้แก่บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.สยามสปอร์ต) จำนวน 999,997 หุ้น หรือคิดเป็น 99.99% ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 135 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นเงินสด 90,000,000 บาท พร้อมได้สิทธิในการลงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์อีก 45,000,000 บาท

โดย บมจ.บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 และลงนามในตราสารการโอนหุ้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ก่อนจะมีการประกาศยกสิทธิ์การทำทีมให้กับ กลุ่มทุนอุดรธานี และเตรียมโยกไปใช้สนามกีฬาราชภัฏอุดรธานีเป็นรังเหย้าในปี 2017 (พ.ศ. 2560) เช่นเดียวกับทีม ไทยลีก “ยักษ์แสด” อุดรธานี เอฟซี ในลีกภูมิภาค
     
หากมองให้ลึกกว่านั้น สิทธิในการลงแข่ง ไทยลีก ไม่ใช่ของสโมสรบีอีซี เทโรศาสน แต่เป็นของอดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯ นายวรวีร์ มะกูดี ที่ก่อตั้งทีมในชื่อ โรงเรียนศาสนวิทยา แต่ต้องวางมือลงหลังจากได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ แต่ก็ยังมีคนเชื่อว่า “บังยี” ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ยืมชื่อคนอื่นเข้ามาเป็นหัวโขนในการบริหารทีมเท่านั้น ทีนี้คงถึงบางอ้อกันแล้วสิว่าเหตุใด นายไบรอัน แอล มาร์คา ถึงถอดใจประกาศขายทีมบีอีซี เทโรฯ ที่ทำเงินและผลงานอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 20 ปี มีผลงานหวานหอม ทั้งแชมป์ไทยลีก 2 สมัย (ปี 2543 - 2544), รองแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก (ปี 2546), รองแชมป์เอฟเอคัพ (ปี 2552) และ แชมป์โตโยต้าลีกคัพ (ปี 2557)
     
น่าแปลกใจที่สิทธิในการลงแข่งขัน ไทยลีกกลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับสโมสร แต่ขึ้นอยู่กับ “เจ้าของสิทธิ์” และให้หยิบให้ยืมสโมสรกันได้ ราวกับเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ แบบนี้คงไม่แปลกใจหากจะมีใครซักคนที่มีสิทธิ์ในการแข่งขันไทยลีก นำคณะบริหารชุดใหม่ และนักเตะชุดใหม่ข้ามหัวนักเตะเดิมได้อย่างสบายตัว โดยไม่ต้องแข่งไต่ลีกขึ้นมาเหมือนทีมที่อยู่ต่ำชั้นกว่า เรื่องสิทธิ์ในการลงแข่งของ “มังกรไฟ” ก็นับเป็นเรืองหมกเม็ดอีกเรื่องของวงการฟุตบอลไทย ที่ยิ่งสาวใส้ยิ่งเหม็นโฉ่เข้าไปทุกที
     
ย้อนกลับไปช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา มีหลายทีมที่มีการปรับเปลี่ยนสิทธิ์ในการบริหาร อาทิ พัทยา ยูไนเต็ด หลังจากคว้ารองแชมป์ดิวิชั่น 1 ทำให้ได้สิทธิ์เลื่อนขึ้นสู่ ไทยลีก 2016 ทว่าเกิดปัญหาเมื่อ “พายุ” พรรณธฤต เนื่องจำนงค์ ประธานสโมสร ที่เพิ่งเข้าเทกโอเวอร์ทีมเมื่อต้นเดือนมกราคม 2558 ได้เลิกทำทีมต่อพร้อมคืนสิทธิ์การทำทีมให้เจ้าของเดิม คือ กลุ่มชลบุรี ทำให้ต้องมีการประกาศขายทีมพัทยา ยูไนเต็ด เพราะทางบอร์ดบริหารต้องการที่จะมุ่งเป้าพัฒนาสโมสรชลบุรี เอฟซี เพียงอย่างเดียว จึงต้องประกาศขายทีมพัทยาฯ ต่อแก่ผู้ที่สนใจรายอื่น

ก็เป็นเช่นกรณีเดียวกับ ศรีราชา เอฟซี และ พานทอง เอฟซี แม้ท้ายที่สุดก็ไม่มีการเปิดเผยว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าใดเป็นผู้คว้าสิทธิ์ในการทำ “โลมาน้ำเงิน” แต่ก็ปรากฏภาพ “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด นั่งอยู่ในซุ่มม้านั่งสำรองบ่อยครั้ง  หรือในกรณีของ “โปลิศ” เพื่อนตำรวจ ซึ่งมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการค้างค่าเหนื่อยให้นักเตะในสังกัด จนนักเตะมีการย้ายทีมกันหลายคน ทำให้ร็อกสตาร์ชื่งดัง “เสก โลโซ” ตัดสินใจร่วมทำทีมฟุตบอลร่วมในสโมสร “เพื่อนตำรวจ” หลังคว้าแชมป์ “ยามาฮ่า ลีกวัน 2015” และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด พร้อมคอนเฟิร์มในการเปลี่ยนชื่อทีมเป็น “โลโซโปลิศ ยูไนเต็ด” อย่างแน่นอน

และ“โลโซโปลิศ ยูไนเต็ด” ได้นำโลโก้ “โลโซดี” ประทับลงบนเสื้อทีมอีกด้วย แต่ไม่ทันไร “เสี่ยบิ๊ก” สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ประธานบริหารทีมเพื่อนตำรวจ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี พร้อมถูกตรวจสอบ และอายัดเส้นทางการเงินจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลังส่อแววนำเงินทุจริตไปใช้ในการบริหารสโมสรฟุตบอล ซึ่งส่งผลให้สโมสรเพื่อนตำรวจจะถูกตัดสินห้ามเข้าแข่งขันทุกรายการที่จัดฤดูกาล 2016 พร้อมทั้งต้องปล่อยผู้เล่นทั้งหมดออกหาต้นสังกัดใหม่
     
ในรายสโมสรฟุตบอลของโอสถสภาฯ ที่ถือเป็นสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่ของไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2520 แต่ในปี 2558 โอสถสภา ได้มอบสิทธิ์การบริหารสโมสรทั้งหมดให้กับ บ.สโมสรฟุตบอล ซุปเปอร์ พาวเวอร์ จำกัด และเปลี่ยนแปลงชื่อสโมสร เป็น “ซุปเปอร์พาวเวอร์” ถือเป็นการสิ้นสุดสโมสรโอสถสภาฯ ที่ใช้ชื่อนี้ มาอย่างยาวนานถึง 38 ปี หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารถัดมาเพียง 1 ปี ทีมก็ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้มีกระแสข่าวว่ากำลังประกาศขายสิทธิ์ให้กลุ่มทุนจาก จ.สมุทรสาคร เข้ามาเทกโอเวอร์ ทว่าไม่ทันต่อการส่งคลับไลเซนซิ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ทีมไม่สามารถเปลี่ยนชื่อและโยกไปใช้สนามสมุทรสาครได้ ทำให้ดีลนี้ต้องล่มไปในที่สุด และผู้บริหาร “พลังเอ็ม” ยังคงเดินหน้าหากระเป๋าใบใหม่มาอุ้มสโมสรให้อยู่รอดในไทยลีก 2017 ต่อไป
     
หรืออย่างกรณีสโมสรฟุตบอล “สระบุรี เอฟซี” ที่สปอนเซอร์หลักอย่าง บริษัท กัล์ฟ เจพี จำกัด ถอนการสนับสนุนระหว่างฤดูกาลกระทบต่อการบริหารงานของทีม โดยเฉพาะการจ่ายเงินเดือนนักฟุตบอล จนต้องถอนตัวจากการแข่งขันฟุตบลถ้วยในประเทศ อย่าง เอฟเอคัพ และลีกคัพ
     
ดังนั้น การหวังพึ่งท่อน้ำเลี้ยงจากสปอนเซอร์เป็นหลัก จึงถือเป็น 1 ใน “ความเสี่ยง” ที่สโมสรฟุตบอลของอาชีพของไทย หากวันใดผลงานไม่เป็นไปตามเป้า หรือกระแสความนิยมลดลงจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเรื่องนี้ทาง “บิ๊กโจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการ และโฆษกประจำสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ยังหาทางแก้ไม่ได้ เนื่องจากผู้บริหารหลายสโมสรยังต้องการเห็นผลกำไรจากการทำทีมฟุตบอล เมื่อไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จึงมีการถอนตัวออกไปในที่สุด
     
“ปัจจุบันสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกกฏคลับไลเซนซิ่งเพื่อควบคุมดูแลทุกสโมสรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีกฎห้ามการปรับเปลี่ยนสโมสรอย่างน้อย 2 ปี เพื่อให้ทีมมีความมั่นคง แม้จะยังช่วยให้ทุกทีมพัฒนาเท่าเทียมกันได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าในอนาคตไทยลีกจะมีความมั่นคง และมีการแข่งขันที่สนุกสนามกว่านี้แน่นอน” โฆษกประจำสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าว

Cr. ผู้จัดการ

นักวิจัยดีเด่น รางวัล “เรือใบซุปเปอร์มด” พัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อมาลาเรียในผู้ติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ แทนใช้ กล้องจุลทรรศน์

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


นักวิจัยดีเด่น รางวัล  “เรือใบซุปเปอร์มด” พัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อมาลาเรียในผู้ติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ แทนใช้ กล้องจุลทรรศน์


สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ TMA ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศผลรางวัลพระราชทานนักเทคโนโลยีดีเด่นและนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ประจำปี 2559 เชิดชูเกียรตินักเทคโนโลยีไทยที่มีผลงานด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม สามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับประเทศได้ หนึ่งในนั้นคือ นักวิจัยดีเด่น  รศ.มัลลิกา อิ่มวงศ์ ผู้พัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อมาลาเรียในผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ที่จะได้รับโล่รางวัลพระราชทานประติมากรรม “เรือใบซุปเปอร์มด” และเงินรางวัลรวม 1 ล้านบาทในฐานะ “นักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี2559”

ไข้มาลาเรียยังคงเป็นปัญหาสำคัญของทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6 แสนคนต่อปี ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 3 หมื่นคนต่อปี ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลกกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะกำจัดมาลาเรียให้หมดสิ้นภายในปี 2569 จึงจำเป็นต้องทราบว่า ใครเป็นผู้ติดเชื้อบ้าง อยู่บริเวณไหนและการแพร่กระจายของเชื้อเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาการวินิจฉัยที่ใช้กันทั่วไปโดยการเจาะเลือดและย้อมดูเชื้อมาลาเรียด้วย กล้องจุลทรรศน์ หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope)

นอกจากนี้ ไข้มาลาเรียเป็นกันมากในจังหวัดตามแนวชายแดน และจังหวัดที่ยังมีป่าทึบ ทั้งนี้เป็นเพราะพาหะของมาลาเรีย คือ ยุงก้นปล่อง ซึ่งที่เรียกอย่างนี้เพราะเวลาที่ยุงกัดคน มันจะเกาะโดยยกก้นขึ้นทำมุมกับผิวหนัง 45 องศาเห็นได้ชัดเจน ยุงก้นปล่องที่สำคัญในเมืองไทยมีสองชนิด Anopheles dirus พบในป่าทึบ ชอบออกไข่ ตามแอ่งน้ำนิ่งขังตามธรรมชาติ เช่น แอ่งหินในป่าทึบ นิสัยชอบกัดกินเลือดคนมาก ไม่ชอบกัดสัตว์อื่น ออกหากินตอนดึกถึงเช้ามืด อีกชนิดหนึ่งคือ Anopheles minimus พบตามชายป่า ชอบวางไข่ในลำธารน้ำใสไหลเอื่อยๆ เดิมพบว่าเมื่อมากัดคนในบ้านก็จะเกาะตามฝาบ้าน เมื่ออิ่ม ปัจจุบันยุ งชนิดนี้มีการปรับตัว ไม่เกาะฝาบ้าน และกัดคนนอกบ้านมากขึ้นโดยเฉพาะตอนหัวค่ำสาเหตุ
 
รศ.มัลลิกา อิ่มวงศ์ ผู้พัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อมาลาเรียในผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ เทคนิคการตรวจเชื้อมาลาเรียที่มีความไวสูง เพื่อค้นหาผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ โดย รศ.มัลลิกา อิ่มวงศ์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมงาน ถือเป็นแนวทางการการตรวจเชื้อมาลาเรียที่มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจเชื้อได้ต่ำถึง 20 parasites/mL ซึ่งต่ำกว่าการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ตามวิธีมาตรฐานในปัจจุบันถึงกว่า 2,000 เท่า และต่ำกว่าการตรวจด้วยเทคโนโลยีพีซีอาร์ประมาณ 500 เท่า

จากการใช้เทคนิคการตรวจเชื้อมาลาเรียที่มีความไวสูงนี้ตรวจค้นหาการติดเชื้อที่ซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการ ช่วยลดขั้นตอนในการตรวจด้วย กล้องจุลทรรศน์ หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ตามวิธีมาตรฐานในปัจจุบัน ในตัวอย่างที่มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ไทย พม่า กัมพูชา เวียดนามและลาว 52,919 ตัวอย่าง พบว่ามีการติดเชื้อมาลาเรียของผู้ที่ไม่แสดงอาการค่อนข้างสูงโดยเฉลี่ย 20-68% เทคนิคนี้ยังใช้ในการพัฒนายามาลาเรียชนิดใหม่ๆ ด้วย โดยใช้วัดปริมาณเชื้อในผู้ป่วยภายหลังได้รับยาต้านมาลาเรียชนิดใหม่นั้น เพื่อค้นหาปริมาณยาที่เหมาะสมที่สุดที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาลาเรีย ทั้งยังนำเทคนิคนี้ไปใช้เป็นมาตรฐานเปรียบเทียบความไวและความเฉพาะเจาะจงในการผลิตเทสต์คิตอีกด้วย

Cr.ข่าว Eureka

“ปันปัน” ยอมรับศัลย์แก้ปลายจมูก ฟุ้งหนุ่มนอกวงการมาจีบ เผยยังเป็นนักแสดงอิสระ ไม่คิดเซ็นกับใคร

ปันปัน


“ปันปัน” ยอมรับศัลย์แก้ปลายจมูก ฟุ้งหนุ่มนอกวงการมาจีบ เผยยังเป็นนักแสดงอิสระ ไม่คิดเซ็นกับใคร


ปันปัน สุทัตตา” ยอมรับแก้ปลายจมูก เป็นส่วนเดียวที่ปันรู้สึกว่าอาจจะไม่เข้ากับหน้าเราเท่าไหร่ก็เลยไปทำมานิดหนึ่ง ปรึกษาครอบครัวแล้ว บอกเป็นส่วนเดียวที่ไม่เข้ากับหน้า อ้อนทำมาแล้วอย่าด่ากันเลย เพราะแก้ไม่ได้ คาดครึ่งปีเข้าที่ ฟุ้งหนุ่มนอกวงการมาจีบ โสดเกือบสนิท! เผยยังเป็นนักแสดงอิสระ ไม่คิดเซ็นกับใคร ฟุ้งปีหน้าคิวงานเต็มแล้ว!
     
หลังจากโดนทักเกรียวกราวว่าจมูกเปลี่ยนไป ซึ่งสาว “ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์” เลยเปิดใจตรงๆ ว่า ไปแก้ปลายจมูกมา ที่สำคัญ ปรึกษาครอบครัวแล้ว คาดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น บอกเป็นส่วนเดียวที่ไม่เข้ากับหน้า อ้อนทำมาแล้วอย่าด่ากันเลย เพราะแก้ไม่ได้ คาดครึ่งปีเข้าที่ ฟุ้งหนุ่มนอกวงการมาจีบ โสดเกือบสนิท! เผยยังเป็นนักแสดงอิสระ ไม่คิดเซ็นกับใคร
     
“ตามที่ทุกคนเห็นค่ะ ปันปัน ก็ได้ปรึกษาพ่อแม่แล้ว ว่าถ้าทำก็คงดีขึ้น ทำครั้งแรกค่ะ ถามว่าทำหน้าอย่างอื่นด้วยรึเปล่า แค่ปลายจมูกค่ะ ไม่ได้ดูเรื่องโหงวเฮ้งขนาดนั้นค่ะ ก็ปรึกษาพ่อแม่แล้วเดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมความงามต่างๆ เป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเนอะ ไม่ได้ไปทำที่เกาหลีค่ะ ไปเกาหลีไปเที่ยวค่ะ ก็พอใจนะคะ รู้สึกว่าเรามีความมั่นใจขึ้นค่ะ ทำมาประมาณเดือนหนึ่งถึงสองเดือนค่ะ”      

 “เราก็อยู่กับคนรอบตัวก็ต้องเตรียมใจว่ามีคนชอบและไม่ชอบเป็นธรรมดา ส่วนคนที่ไม่ชอบ ก็อาจจะยังไม่ชินรึเปล่า แต่ก็อย่าด่าปันเยอะเลยค่ะ ปันทำมาแล้ว แก้ไม่ได้ เป็นกำลังใจให้ ปันปัน ด้วยค่ะ ถามว่าจะทำส่วนอื่นมั้ย ก็คงไม่แล้วค่ะ เป็นส่วนเดียวที่ปันรู้สึกว่าอาจจะไม่เข้ากับหน้าเราเท่าไหร่ก็เลยไปทำมานิดหนึ่ง คนไม่ชอบก็เสียเซลฟ์เป็นธรรมดาค่ะ แต่เราก็มองไว้ว่าถ้าทำแล้วเรามั่นใจขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราค่ะ แรกๆ ก็ไม่ชิน ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ หวังว่าพี่ๆ จะเริ่มชินนะคะ”
     
 “ปันว่าคงประมาณครึ่งปีถึงจะเข้าที่ ตอนนี้ก็เริ่มชิน เริ่มโอเคขึ้นแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็โอเคค่ะ ก็ปรึกษากันนานแล้ว ถามว่าขอยากมั้ย ไม่นานนะคะ ก็เหมือนคุยกันตกลงกันมากกว่าค่ะ ก็ต้องระวังกันนิดหนึ่ง”ส่วนเรื่องแฟน ตอนนนี้โสดเกือบสนิท เปิดใจมีหนุ่มนอกวงการมาจีบ คุยหนุ่มเรื่อยๆ  “ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่มีอะไรเลยช่วงนี้ ถามว่า มีคนเข้ามาขายขนมจีบปันปันมั้ย ก็มีบ้างค่ะ ตอนนี้ก็โสดค่ะ ถามว่าโสดสนิทมั้ยก็เหมือนสนิทล่ะกัน ก็มีคนคุยบ้าง เป็นคนนอกวงการค่ะ คุยหลายคนมั้ยก็เรื่อยๆ ค่ะ”
     
ตอนนี้ ยังเป็นนักแสดงอิสระ ไม่คิดเซ็นกับใคร ฟุ้งปีหน้าคิวงานเต็มแล้ว! ส่วนงานเซ็กซี่แล้วแต่งาน ส่วนละคร “ซีรีส์เรื่อง I HATE YOU I LOVE YOU จะกลับมาฉายวันที่ 7 ม.ค. ปีหน้าแล้วนะคะ จะเฉลยแล้วนะว่าใครฆ่านานะ ทุกคนต้องติดตามนะคะ” แล้วงานเซ็กซีจะรับไหม “ส่วนงานเซ็กซีก็แล้วแต่งานค่ะ แล้วต่อไป ปันปัน จะมีซีรีส์กับทางจีเอ็มเอ็ม 25 ค่ะ เรื่อง 7 วันเดอร์ ถามว่าเป็นอิสระมีค่ายอื่นติดต่อมามั้ยก็มีบ้างค่ะ แต่ตอนนี้ก็มีผู้จัดการส่วนตัว ก็ยังไม่ได้คิดเซ็นกับใครค่ะ เพราะปีหน้าคิวก็เต็มแล้ว และต้องเรียนหนังสือด้วยค่ะ”

Cr. ข่าวผู้จัดการ

Saturday, December 17, 2016

กล้องจุลทรรศน์ ราคา 1 ดอลลาร์ สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ลดการขาดแคลนอุปกรณ์วิทยาศาสตร์

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


กล้องจุลทรรศน์ ราคา 1 ดอลลาร์ สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ลดการขาดแคลนอุปกรณ์วิทยาศาสตร์

คุณคงงงแน่นอน ถ้าจะบอกว่ามี กล้องไมโครสโคป (Microscope) ราคา 1 ดอลลาร์ เป็น กล้องจุลทรรศน์ กระดาษพับ(Foldscope) แล้วมีราคาหนึ่งดอลล่าร์สหรัฐจริง ๆ ถูกพัฒนาเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆในประเทศกำลังพัฒนา หากมีการฝึกฝนการใช้งาน กล้องจุลทรรศน์ กระดาษพับ(Foldscope) ที่ว่านี้ใช้เวลาประกอบเพียงเเค่ 10 นาทีจากชิ้นกระดาษพับชิ้นต่างที่ตัดสำเร็จรูปพร้อมแก่การประกอบ แต่แม้จะถูกออกแบบให้เรียบง่าย แต่กล้องไมโครสโคป (Microscope) ราคา 1 ดอลลาร์นี้มีคุณภาพสูงมาก ตัวเลนส์สามารถขยายได้ถึงสองพันเท่าเลยที่เดียว

ผู้ออกแบบ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ราคา 1 ดอลลาร์ ชี้ว่า กล้องจุลทรรศน์ กระดาษพับ(Foldscope) นี้จะมีประโยชน์มากในประเทศที่มีปัญหาการระบาดของเชื้อมาลาเรีย ถูกพัฒนาเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆในประเทศกำลังพัฒนาช่วยค้นพาต้นเหตุของอาการป่วย ทางองค์การอนามัยโลกประมาณว่ามีคนมากกว่า 600,000 คนทั่วโลกเสียชีวิตจากไข้มาลาเรียในปีคริสตศักราช 2012 หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

คุณ Manu Prakash ผู้ร่วมออกแบบ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ราคา 1 ดอลลาร์ กล่าวว่ามาลาเรียมีหลายสายพันธุ์และมียาหลายชนิดที่ใช้บำบัดมาลาเรีย เขากล่าวว่านี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่อาจทำให้การระบาดของมาลาเรียเลวร้ายกว่าเดิม เขาชี้ว่าจำเป็นมากที่ต้องระบุว่าคนไข้ได้รับเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ใดหรือป่วยด้วยมาลาเรียจริงหรือไม่ การใช้กล้องจุลทรรศน์เป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในการช่วยค้นพาต้นเหตุของอาการป่วย แต่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนมาก ห้องแลปมักขาดแคลนกล้องจุลทรรศน์หรือไม่ก็เสียหายและขาดการซ่อมเเซม

คุณ Robert Malkin นักวิศวกรเคมีแห่งมหาวิทยาลัย Duke กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่ามี กล้องไมโครสโคป (Microscope) เสียหายใช้การไม่ได้เป็นจำนวนมากและเป็นปัญหาใหญ่ เขากล่าวว่าหากกล้องจุลทรรศน์เสียหายจนซ่อมไม่ได้ ก็ควรมีการซื้อใหม่มาทดแทน เขากล่าวว่าทางมหาวิทยาลัยได้ทำงานกับโรงพยาบาลหลายร้อยหลายพันเเห่งทั่วโลกและโรงพยาบาลเหล่านี้ไม่มีเงินซื้อกล้องจุลทรรศน์ตัวใหม่เพื่อทดแทนตัวเก่าที่เสียเพราะราคาเเพงมาก

คุณ Prakash ผู้ร่วมออกแบบกล้องจุลทรรศน์ กระดาษพับ(Foldscope) ชี้ว่ากล้องไมโครสโคป (Microscope) ราคา 1 ดอลลาร์ เป็นทางออกแก่ปัญหานี้ เขากล่าวว่ากล้องจุลทรรศน์กระดาษที่คิดค้นขึ้นถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นมากและราคาถูกมากเหมือนกับได้เปล่า ลำตัวของกล้องจุลทรรศน์ทำจากกระดาษเเข็งล้วน ส่วนที่เเพงที่สุดคือตัวเลนส์ขยายขนาดโดยราคาอยู่ที่ห้าสิบหกเซ็นท์สหรัฐหรือประมาณสิบหกบาท

อย่างไรก็ดี คุณ Aurelie Jeandron (Or-rah-lee zhon-DRON) นักระบาดวิทยาแห่งวิทยาลัยสาธารณสุขและการแพทย์เขตร้อนลอนดอนกล่าวว่าในประเทศกำลังพัฒนา เจ้าหน้าที่ที่รู้วิธีการใช้กล้องุลทรรศน์หายากยิ่งกว่ากล้องจุลทรรศน์เสียอีก นักระบาดวิทยาคนนี้กล่าวว่ากล้องไมโครสโคป(Microscope) จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากขาดทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการฝึกฝน อย่างไรก็ตาม คุณ Jeandron เชื่อว่า กล้องไมโครสโคป (Microscope) จะเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคต่างๆแก่คนในประเทศยากจน

เธอยกตัวอย่างงานพัฒนาน้ำดื่มสะอาดและการสุขาภิบาล เธอคิดว่ากล้องไมโครสโคป (Microscope)จะช่วยให้คนมองเห็นเชื้อโรคในน้ำที่เป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยได้ เเละนั่นจะช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดเเละพฤติกรรมของคนเหล่านี้ได้ ขณะนี้ คุณ Prakash ผู้ร่วมออกแบบกล้องจุลทรรศน์กระดาษพับได้เริ่มโครงการกล้องจุลทรรศน์หนึ่งหมื่นชิ้น เป็นโครงการจัดส่งกล้องจุลทรรศน์กระดาษพับ Foldscope ให้ไปถึงมืออาสาสมัครทั่วโลกที่จะนำกล้องไปทดสอบการใช้งาน

มีอาสาสมัครใน 130 ประเทศทั่วโลกลงชื่อขอรับกล้องจุลทรรศน์กระดาษพับและคุณ Prakash ถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นมากและราคาถูกมากเหมือนกับได้เปล่า หวังว่าจะสามารถจัดส่งให้ครบทุกคนภายในเดือนสองเดือนนี้ เขายอมรับในปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลที่สามารถใช้กล้องไมโครสโคป (Microscope)ในประเทศกำลังพัฒนา แต่เขาคิดว่าการจัดหากล้องจุลทรรศน์ที่ราคาถูกเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ

Cr. ข่าว VOA Thai

ซูซี่ หทัยเทพ เปิดใจ ปิดฉากรักต่างวัย นักแสดงหนุ่ม ที่ใครๆ ก็อิจฉา

ซูซี่ หทัยเทพ


ซูซี่ หทัยเทพ เปิดใจ ปิดฉากรักต่างวัย นักแสดงหนุ่ม ที่ใครๆ ก็อิจฉา


สำหรับเรื่องราวความรักของ ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา นักธุรกิจสาววัยกว่า 70 กับสามีหนุ่มรุ่นน้อง ที่อายุห่างกันถึง 24 ปี และอยู่ด้วยกันมานาน 25 ปี โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจกับพิธีกรดัง "วู้ดดี้" เมื่อหลายปีก่อนทำเอาหลายคนออกอาการอิจฉาตาร้อน   แต่แล้ว ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา เผยว่า แยกทางกันมาเกือบปีแล้ว ส่วนอะไรคือสาเหตุที่ชีวิตรักของเธอจบลง แล้วทำไมจึงเพิ่งมาเปิดเผย และเธอสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในวันที่ขาด  "คนเคยรัก" ได้อย่างไร แล้วเธอจะพร้อมมีรักครั้งใหม่อีกหรือไม่

เรื่องราวความรักดุจเทพนิยายของ ไฮโซรุ่นเดอะ ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา และ สามีรุ่นน้อง นักแสดงหนุ่มกล้ามล่ำบึ้ก ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล ที่อายุต่างกันกว่า 24 ปี เคยเป็นที่ฮือฮา และ อิจฉาของสาวๆทั่วประเทศ ด้วยความสวีตหวานและความรักที่เข้าอกเข้าใจในกันและกันของทั้งคู่ แต่ล่าสุด ตำนานรักต่างวัยครั้งนี้ก็ต้องปิดฉากลงไปแล้ว!! โดย คุณซูซี่ ได้ออกมาเปิดใจถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ รักล่ม!! ผ่านทาง รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย

หลังแยกทางกับสามีมาเกือบปี ซึ่งทางคุณซูซี่ ได้มาเปิดบ้านและเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ชีวิตรักของเธอจบลง แล้วทำไมจึงเพิ่งมาเปิดเผย และเธอสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในวันที่ขาด "คนเคยรัก" ได้อย่างไร แล้วเธอจะพร้อมมีรักครั้งใหม่อีกหรือไม่ ในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2559 ในรายการ WOODY (วู้ดดี้) ซึ่งจะออกอากาศบอกเล่าความจริง เป็นการมาพูดคุยกันแบบเดี่ยว ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอออกมาบอกว่า รักต่างวัยที่ใคร ๆ อิจฉา จบลงแล้ว !!

ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา เป็นเซเลบริตี้ที่คร่ำหวอดในวงการแฟชั่น และวงการความงาม หรือเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคุณแม่ของพระเอกกล้ามโต ดอน ธีระธาดา แต่ที่ทำให้ชื่อของซูซี่ หทัยเทพ เป็นที่รู้จักอย่างมาก และกลายเป็นข่าวดังนั่นก็คือ เรื่องราวความรักของเธอกับพระเอกสุดหล่อ คุณวิทย์ หรือ "ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล" หรือปู่โสมนั่นเอง ซึ่งทั้งคู่อายุห่างกันถึง 25 ปี และคบหาดูใจกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว

แม้ว่าอายุ ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา จะล่วงเลยเข้าสู่วัย 70 ปี แต่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไร ไฮโซสาวสองพันปีอย่างคุณ "คุณซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา" ได้เลย เธอยังคงสวย เซ็กซี่ สง่า จนทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ หลายๆ คน ต้องแอบอิจฉาในรูปร่าง และความงามของเธอเลยทีเดียว โดยในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเผยความลับผิวหน้าอ่อนเยาว์ให้สาวๆได้รู้กันในรายการวู๊ดดี้ เกิดมาคุย และยังโชว์เสต็ปการตบหน้าให้ "วู้ดดี้" ที่เธอบอกว่าจะทำให้ใบหน้าเรียวกระชับขึ้นได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม ซึ่งเธอได้ทุ่มเงินเพื่อไปเรียนมาถึง 20 ล้านบาท

นอกจากความสวยที่ไม่มีที่ติแล้ว ซูซี่ หทัยเทพ สุภาพสตรีคนนี้ยังเป็นผู้หญิงที่เก่งและแกร่ง ชนิดหาตัวจับยาก เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ แต่ธุรกิจที่เธอทำนั้นยิ่งใหญ่และไม่ธรรมดา เธอเป็นผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ที่ทำให้คนทั่วไปอิจฉามากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น เรื่องราวความรักต่างวัยของเธอกับ "คุณวิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล" พระเอกสุดหล่อดีกรีนายแบบ ที่มีอายุน้อยกว่าถึง 25 ปี ซึ่งคอยดูแลอยู่ข้างกายเป็นเวลา 20 ปีแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ยังคงเติมความหวานให้กันอย่างสม่ำเสมอ ได้ฟังแล้วอาจทำให้คู่รักหลายคู่ ต้องอิจฉาเลยทีเดียว

"คุณซูซี่" ได้เล่าถึงความประทับใจแรกพบกับคุณวิทย์ว่า "ตอนนั้นพี่นั่งฟังเพลงอยู่ที่ล๊อบบี้ และก็เห็น เอลวิส คนไทยเดินมา แล้วไปรออยู่ตรงลิฟท์ พอพี่หันเหลือบไปเห็น ตอนนั้นพี่คิดว่า อืม หล่อ!! เขาใส่กางเกงยีนส์ธรรมดาๆและใส่เสื้อสีขาวม้วนแขน แต่เสียดายที่ลิฟท์มาเร็วไป" หลังจากวันนั้น คุณซูซี่ก็มีโอกาสได้พบคุณวิทย์อีกครั้ง ที่งานบอลรูม และได้นั่งโต๊ะเดียวกันโดยบังเอิญ แต่วันนั้นคุณวิทย์ควงสาวสวยหมวยฮ่องกงมาด้วย "วู้ดดี้" ก็เลยถามว่า " คุณซูซี่ มีวิธีปาดหน้าเค้กหมวยคนนั้นอย่างไร?" โดย คุณซูซี่ ตอบว่า "พี่ก็เป็นตัวของพี่เอง พี่ก็คุยไปสิ ก็เขาหล่ออ่ะ เธอก็นั่งฟังฉันคุยกับเขาไปด้วยก็ได้ จากนั้นก็ได้แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้และได้นัดเจอกันมาเรื่อยๆ" ซึ่งตัวคุณซูซี่เองก็ยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิ ว่าเธอเป็นคนเจ้าชู้สุดๆ

ซูซี่ หทัยเทพ มีสกุลเดิมว่า "ศิริจรรยา" เป็นบุตรีในร้อยโทมั่น ศิริจรรยา(น้องหลวงศรีรัตนากร)กับคุณแม่ประวัติ มีพี่น้องทั้งหมด 10 ท่าน ครอบครัวศิริจรรยาเป็นตัวแทนน้ำยาดัดผมและอุปกรณ์ทำผมรายแรกของไทย ปัจจุบันพี่น้องของเธอดำรงตำแหน่งใหญ่มากมายในหลากหลายวงการ อาทิ ร.ศ.ประภาศรี ศิริจรรยา(พี่สาวคนโต) อดีตอาจารย์คณะครุศาสตร์จุฬาฯได้ถวายการสอนทูลกระหม่อมทั้งสี่พระองค์ที่โรงเรียนจิตรลดา, พ.ญ.เพ็ญแข (ศิริจรรยา) ลิ่มศิลา อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลยุวประสาทฯ, ร.ศ.ประพันธ์ ศืริจรรยา อดีตอาจารย์แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นน้องสาวของอดีตพระเอกดัง นิรุตย์ ศิริจรรยา

Cr.ข่าว Teenee,Sanook

ไรฝุ่น สาเหตุของ โรคภูมิแพ้ ป้องกันได้ จากที่นอนบ้านเราเอง

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ไรฝุ่น สาเหตุของ โรคภูมิแพ้ ป้องกันได้ จากที่นอนบ้านเราเอง  


โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่พบบ่อย โดยปัจจุบันพบว่า คนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้สูงถึง 18 ล้านคน โดยแบ่งเป็นโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่น 30% เพราะไรฝุ่นจะแฝงอยู่ทุกที่ในบ้าน อาทิ ห้องนอน พรม ตุ๊กตา เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งไรฝุ่นจะสามารถเติบโตได้ดีในอากาศชื้น เฉลี่ยอุณหภูมิประมาณ 25 องศา ความชื้น 70-80 หน่วย ซึ่งไรฝุ่นจะออกไข่ได้มาก สามารถขยายพันธุ์รวดเร็ว โดยเฉพาะในห้องนอน

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่พบบ่อย แตกต่างกันออกไป อาทิ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งแวดล้อม ฝุ่น ควัน และบางรายเกิดจากพันธุกรรม อาการของโรคภูมิแพ้โดยทั่วไปจะมีอาการคันจมูกน้ำมูกไหล จามบ่อย แน่นจมูก เจ็บคอ ซึ่งจากการสำรวจในประเทศไทยพบว่า ในช่วงประมาณ 40 ปีที่ผ่านมานี้ อุบัติการณ์ของโรค เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัวเลยทีเดียว และตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด “โรคภูมิแพ้” คือ “ไรฝุ่น” วายร้ายตัวฉกาจที่ทุกครอบครัวต้องระวัง เพราะเจ้าไรฝุ่นตัวเล็กๆ แต่อานุภาพร้ายแรงมาก สามารถทำให้เกิดโรคภูมิแพ้เรื้อรัง บางรายลุกลามถึงโรคระบบทางเดินหายใจ

 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน โสต ศอ นาสิก นายแพทย์พลพงศ์ ชยางศุ กล่าวว่า ไรฝุ่น จัดเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับหิด แมงมุม แต่ตัวเล็กกว่ามาก มีขนาดเล็กประมาณ 0.1-0.3 มิลลิเมตรมีสีขาวคล้ายฝุ่น วิ่งเร็ว อยู่ปะปนในฝุ่น จึงทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยากต้องใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope)ขยายส่องดู ไรฝุ่นเป็นสาเหตุสำคัญในการก่อโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น 2 ชนิดที่พบบ่อยในฝุ่นบ้านและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ได้แก่ โรคภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิด Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)

ห้องนอนคือแหล่งที่พบตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่ค่อนข้างมากเพราะอุณหภูมิ และความชื้นที่พอเหมาะ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วในห้องนอน จะมีตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่นับล้านตัว พบมากตามที่นอน ผ้าปูที่นอนหมอน ผ้าห่ม พรม และผ้าม่าน ตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่ด้วยการกินขี้ไคล และรังแคของคน ซึ่งสามารถมองเห็นไรฝุ่นจาก กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขยายส่องดู เพราะเจ้าไรฝุ่นตัวเล็กๆ แต่อานุภาพร้ายแรงมาก สามารถทำให้เกิดโรคภูมิแพ้เรื้อรัง บางรายลุกลามถึงโรคระบบทางเดินหายใจ

ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่มีปัญหาการเกิดโรคภูมิแพ้ เฉลี่ยอายุตั้งแต่แรกเกิด โดยแต่ละคนก็มีปัญหาแตกต่างกันออกไป แต่ที่พบบ่อยที่สุด คือ ปัญหาภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่น ซึ่งเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไรฝุ่นจะแฝงตัวอยู่ในสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา โดยที่เห็นชัดที่สุด คือ ห้องนอน เนื่องจากวัสดุที่นำมาใช้ผลิตเครื่องนอน อาทิ หมอน ผ้าปู หรือที่นอน จะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นได้เป็นอย่างดี นายคมศานต์ จิวากานนท์ กรรมการผู้จัดการ ผู้ผลิตและจำหน่ายหมอนโรงแรม 6 ดาว แบรนด์ลักษ์ชัวร์รี่ กล่าว

ดังนั้นในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการเลือกเครื่องนอนที่ป้องกันไรฝุ่นเป็นอย่างมาก โดยล่าสุดเราได้ค้นพบเส้นใย "ไมโครคลิ้ม" เส้นใยขนาดเล็ก เป็นเส้นใยที่ใช้สารตั้งต้นในการทำเส้นใย เส้นใยจะมีสีขาวเงาและคุณภาพ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ป้องกันไรฝุ่นได้จากการดูที่สามารถมองเห็นไรฝุ่นจาก กล้องไมโครสโคป (Microscope) ขยายส่องดูเพราะไม่ได้ถูกรีไซเคิลเป็นเส้นใยที่มีความละเอียดสูงมาก อีกทั้งกระบวนการผลิตนั้นใช้เทคนิคพิเศษโดยใช้แรงลมเป่าหมอนเป็นตัวควบคุม เราจึงสามารถกำหนดระดับความสูงต่ำได้เองตามความต้องการ

คำแนะนำสำหรับใครที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ เราสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีง่ายๆ 1. ควรทำสะอาดห้องนอนเป็นประจำ 2. ควรเลือกที่นอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์เพราะสามารถทำความสะอาด 3. ห้ามใช้หมอนที่ทำด้วยนุ่น ขนห่าน หรือขนเป็ดโดยเด็ดขาด 4. ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นในห้องตามพรม พื้น และผ้าม่านในห้อง และถ้าเป็นไปได้ เอาม่านและพรมออกจากห้องเสียให้หมด 5. เวลาทำความสะอาดไม่ควรใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่น แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแทน 6.ถ้าจำเป็นจะต้องใช้ผ้าม่านควรจะซักทุก 6 สัปดาห์ 7.ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ชนิดใดในบ้าน

Cr. ข่าวสารจาก http://www.ryt9.com/s/tpd/2570631