Thursday, January 19, 2017

INOA นวัตกรรมสีผม แห่งอนาคต ปราศจากแอมโมเนีย จาก นักวิจัยลอรีอัล

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


INOA นวัตกรรมสีผม แห่งอนาคต ปราศจากแอมโมเนีย จาก นักวิจัยลอรีอัล



ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม INOA เป็นนวัตกรรมการเปลี่ยนสีผมแห่งอนาคตที่ปราศจากแอมโมเนีย ที่นักวิจัยลอรีอัล ได้ค้นพบระบบ ODS (Oil Delivery System) หรือระบบการส่งสารที่อุดมไปด้วยน้ำมัน เพื่อใช้สำหรับการเปลี่ยนสีผม เป็นระบบที่ช่วยทำให้สารต่างๆ ที่ใช้ในการเปลี่ยนสีผมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบไปด้วยสารอัลคาไลน์ที่มีความเป็นด่าง โดยการผลักสารต่างๆเข้าไปในเส้นผมชั้นใน เพื่อปกป้องและดูแลเส้นผม ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีผม ซึ่งระบบการทำงานดังกล่าว ก่อให้เกิดการทำงานของสารอัลคาไลน์ที่ใช้แทนสารแอมโมเนีย ทำให้การเปลี่ยนสีผมไม่มีกลิ่นฉุน ที่พิสูจน์ดูเส้นผมได้จาก เครื่อง AFM (Atomic Force Microscope) มาพร้อมกับ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ซึ่งเป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ตรวจสอบสภาพเส้นผมชั้นนอกสุด

นอกจากนี้ นักวิจัยของลอรีอัล ยังได้ค้นคว้าถึงวิธีการที่จะช่วยให้หนังศีรษะไม่เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนสีผม โดยได้ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และสูตรเฉพาะของ INOA ผสมผสานเนื้อครีม 3 ประการ ได้แก่ โอลีโอ เจล (Ol?o Gel) สกัดจากน้ำมัน ช่วยปกป้องหนังศีรษะ ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะแม้กับผู้ที่มีหนังศีรษะบอบบาง คัลเลอร์แรนท์ เจล (Colourant Gel) ประกอบไปด้วยสารอัคคาไลน์เอเจ่นต์ ที่มีความเป็นด่างและใช้แทนสารแอมโมเนีย ทำให้สีผมสว่าง ปราศจากกลิ่นฉุน และดีเวลลอปเปอร์ชนิดครีม (Cream Developer) เป็นครีมโกรกสีผม มีส่วนผสมสูตรเฉพาะ ซึ่งนอกเหนือจากไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์แล้ว ยังมี Ion?ne G ลิขสิทธิ์เฉพาะจากลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนลเท่านั้น เป็นตัวทำปฏิกิริยากับส่วนสำคัญของเส้นผมชั้นใน ช่วยปกป้องเส้นผมและป้องกันการทำร้ายเกล็ดผม โดยส่วนประกอบทั้งสามตัวนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในครีมเปลี่ยนสีผม

ทั้งนี้ได้มีการตรวจสอบประสิทธิภาพของเส้นผมชั้นในและผิวเส้นผม ด้วยเครื่อง AFM (Atomic Force Microscope) หรือชุด กล้องไมโครสโคป (Microscope) ซึ่งเป็นกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ตรวจสอบสภาพเส้นผมชั้นนอกสุด พบว่า ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม INOA เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลเส้นผมได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมแบบเดิม ของลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล ถึง 45% เพราะมีน้ำมันเคลือบเส้นผมชั้นนอก และกรดอามิโนที่จำเป็นไม่ถูกทำลายไปจากผิวเส้นผมไปจนถึงเส้นผมชั้นใน

กว่า 100 ปี ที่ลอรีอัลได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมตลอดมา  ผลิตภัณฑ์ INOA เป็นนวัตกรรมล้ำหน้าที่ปราศจากสารแอมโนเนีย ปราศจากกลิ่นฉุน    ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับเส้นผมได้ถึง 3 ระดับ เปลี่ยนสีผมให้เด่นชัดและปกปิดผมขาวได้อย่างแนบสนิท มีให้เลือก 44 เฉดสี 8 ประกาย ประกอบด้วย เฉดสีพื้นฐานธรรมชาติ เฉดสีทอง เฉดสีน้ำตาล เฉดสีแดงคอปเปอร์ เฉดสีมะฮอกกานี เฉดสีเบจ และเฉดสีหม่น สาวยุคใหม่ทันสมัย สามารถปฏิบัติการเปลี่ยนสีผมแบบมืออาชีพด้วย INOA ได้แล้ว ณ ร้านซาลอนชั้นนำที่มีเครื่องหมายลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง INOA คือหนึ่งในความภาคภูมิใจสูงสุด เพื่อปฏิวัติโลกแห่งการเปลี่ยนสีผม

Cr.RYT9 News

Wednesday, January 18, 2017

เนื่องใน วันกองทัพไทย ประจำปี 2560 กองทัพอากาศ จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อ ธงชัยเฉลิมพล

วันกองทัพไทย


เนื่องใน วันกองทัพไทย ประจำปี 2560 กองทัพอากาศ จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อ ธงชัยเฉลิมพล


เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2560 พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล  ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ทั้งนี้มีกำลังพลที่เข้าร่วมการสวนสนาม และผู้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้มีจำนวนกว่า 4,500 คน โดยสำหรับพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล ในส่วนของกองทัพอากาศ ในครั้งนี้ได้จัดให้มีการสวนสนามของทหาร 5 กองพันได้แก่ กองพันนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ กองพันนักเรียนจ่าอากาศ กองพันทหารอากาศโยธินรักษาพระองค์ กองพันทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์และกองพันปฏิบัติการพิเศษ

นอกจากนี้ นายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน ทหารกองประจำการ ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนฯ ได้เข้ากระทำการปฏิญาณตนในพิธีครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่บุคคลซึ่งเข้ามารับราชการทหารจะต้องเข้าร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล จึงจะถือเป็นทหารที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง โดยมีแขกผู้มีเกียรติทั้งในและนอกกองทัพอากาศ รวมทั้งแขกต่างประเทศมาร่วมเป็นเกียรติในพิธีเนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2560

และมีพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองบัญชาการกองทัพไทย พิธีบวงสรวงพระบรมรูปมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์ พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 พิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย และพิธีบำเพ็ญกุศล ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ โดยกิจกรรมในวันนี้ ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ. สุรพงษ์  สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในการจัดงานวันกองทัพไทย ประจำปี 2560 โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีฯ

Cr.สนุก นิวส์

ถ่ายภาพ แมลงหวี่ขน ด้วย กล้องจุลทรรศน์ สวยงามชวนตะลึง

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ถ่ายภาพ แมลงหวี่ขน ด้วย กล้องจุลทรรศน์ สวยงามชวนตะลึง   

     
เมื่อกล่าวถึงกล้องจุลทรรศน์หลายๆท่านอาจไม่ค่อยจะได้ใช้ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับอะไรที่ต้องขยายให้เห็นรายละเอียด แต่ถ้าเราได้ลองใช้กล้องจุลทรรศน์แล้วเราจะเห็นสิ่งเล็ก ที่ขยายออกมาจนเราแทบไม่น่าเชื่อ เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ อย่างกรณีของ คุณเคลวิน แมคเกนซี (Kevin Mackenzie) ทีถ่ายภาพแมลงหวี่ ด้วย กล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (scanning electron microscope) ของแมลงหวี่ขน ไซโคดิเด (Psychodidae) ก็สวยงามชวนตะลึง ซึ่งตัวเต็มไปด้วยขนปุกปุยและมีตารวมมากมาย ทำให้ภาพดังกล่าวคล้ายหลุดออกจากภาพยนตร์ไซไฟ

เคลวิน แมคเกนซี (Kevin Mackenzie) ช่างภาพผู้บันทึกภาพแมลงหวี่จาก กล้องไมโครสโคป (Microscope) และเป็นผู้จัดการของศูนย์อุปกรณ์กล้องจุลทรรศน์และวิทยาการเนื้อเยื่อ (Microscopy and Histology Core Facility) ของมหาวิทยาอะเบอร์ดีน (University of Aberdeen) สหราชอาณาจักร พบแมลงหวี่ตัวดังกล่าวเกาะอยู่บนผนังห้องครัวของเรา และด้วยความกระหายใคร่รู้อย่างนักวิทยาศาสตร์ทำให้เขายั้งมือจากการตบแมลงตัวนั้น ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยเห็นแมลงเช่นนี้มาก่อน ดังนั้น จึงอยากจะดูให้แน่ใจภายใต้ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน

ในปัจจุบันที่มีกล้องดิจิตอลออกมาวางจำหน่ายมากมายหลายรุ่นหลายราคาตามศักยภาพ แล้วถ้าจะจับกล้องจุลทรรศน์ กับกล้องดิจิตอล นำกล้องทั้งสองประเภทมาชนกัน หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องจับมาชนกัน ไม่กลัวว่ากล้องจะเสียเหรอ ก็ขอยืนยันว่าถ้าจับมาชนกันอย่างมีเทคนิคจะทำให้เราสามารถเก็บภาพสิ่งที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น โดยเราสามารถบันทึกภาพเล็ก ๆ จากกล้องไมโครสโคป (Microscope) ได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวตามความต้องการ เพื่อเอาไปใช้ทางวิทยาศาสตร์ หรือ ไม่แน่อาจจะส่งประกวดจนได้รับรางวัลก็เป็นได้
           
เราก็สามารถนำภาพที่ได้ไปใช้ทำสื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียนหรือผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ ซึ่งถ้ามีคนช่วยกันทำเยอะๆ ประเทศหรือโลกของเราก็จะได้มีสื่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเยอะตามไปด้วยจริงหรือเปล่า เพิ่มศักยภาพการใช้เครื่องมือวิทย์ฯกับอุปกรณ์อิเลคทรอนิค สำหรับการบันทึกภาพก็ไม่ยาก แต่ต้องเป็นกล้องดิจิตอล ทำไมหนะเหรอ ก็เพราะว่ากล้องดิจิตอลมีเลนส์หน้ากล้องที่มีขนาดเล็กใกล้เคียงกับเลนส์ตาของกล้องจุลทรรศน์  นอกจากนั้นหากถ่ายแล้วไม่สวยเราก็สามารถลบทิ้งได้จริงหรือเปล่า ไม่ต้องเปลืองฟิล์มดีจังเลย
           
แต่เคยมีข่าวว่าข้อดีที่ถ่ายผิดหรือไม่สวยแล้วลบทิ้งง่ายกลายเป็นการสร้างนิสัยที่ว่าถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนหรือทิ้งง่ายๆด้วย เรื่องนี้ก็คิดว่าอาจมีผลบ้างไม่มากก็น้อยจริงหรือเปล่า เมื่อมีกล้องถ่ายรูปดิจิตอลแล้ว เราก็มาเตรียมกล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ กล้องจุลทรรศน์ให้พร้อมโดยนำตัวอย่างที่จะศึกษามาส่องดูจนกระทั่งเจอภาพที่เราต้องการ จากนั้นก็เปิดกล้องถ่ายรูปแต่ให้ปิดแฟล็ตในกรณีถ่ายภาพนิ่ง เพราะถ้าเราถ่ายแบบเปิดแฟล็ตแสงจะสะท้อนเข้ามาที่กล้องทำให้ภาพที่ได้มืดสนิทเลย  
         
ส่วนกรณีถ่ายภาพเคลื่อนไหวก็ให้เลือกโหมดถ่ายภาพวีดีโอจากนั้นก็กดบันทึกภาพตามความต้องการเลย(แต่ควรบันทึกเป็นช่วงๆระยะเวลาประมาณ 10-30 วินาที เพื่อนำไปทำสื่อจะได้ดูไม่ซ้ำภาพนานเกินไป) หากต้องถ่ายนานๆ  ขอแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องมาช่วยถือแทนจะได้ไม่เมื่อยมือ เมื่อได้ภาพมาแล้ว ก็แล้วแต่ว่าจะนำไปตัดต่อเพิ่มเติมเนื้อหาหรือจะนำไปประกอบการบรรยายตามความถนัด หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถสอบถามได้ที่นี่ wutt14@hotmail.com หรือ 0899778987 ลองฝึกดูเผื่อจะได้เป็นช่างภาพมืออาชีพเข้าสักวัน

Cr.Go to Know News,ผู้จัดการ,ว่าที่ ร.ต. วุฒิชัย สังข์พงษ์

องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 71 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากอาการติดเชื้อในปอด

นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ


องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 71 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากอาการติดเชื้อในปอด


นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เช้าวันนี้ในวเลา 08.30 น. ในวัย 71 ปี สาเหตุเกิดจากอาการติดเชื้อในปอด  ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า สาเหตุที่ นายชาญชัย ถึงแก่อสัญกรรม เพราะ อาการติดเชื้อในปอด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะองคมนตรี  เกิดเมื่อวันที่  25 เมษายน พ.ศ. 2489  ปัจจุบันอายุ 71 ปี   เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในสังคมไทยทั้งวงการตุลาการและวงการการเมือง

เขาถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิฤตการเมืองในขณะนั้น ระหว่างที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา โดยในวันที่ 28 เม.ย. เขาเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะตุลาการทั้งสามศาล (ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ) หาทางออกทางการเมืองหลังจากที่มีการร้องให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2559 เป็นโมฆะ และได้ข้อสรุป 3 ข้อจากการประชุมคือ  1.ศาลจะเร่งรัดพิจารณาพิพากษาคดีและดำเนินการในส่วนที่อยู่อำนาจหน้าที่ของแต่ละศาล ให้รวดเร็วทันต่อของความเร่งด่วนในแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น, 2.การพิจารณา คดีความแต่ละศาล จะต้องใช้และตีความตัวบทกฎหมายเดียวกันนั้นต้องระมัดระวัง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งนี้เพื่อป้องกันความขัดแย้งและสับสนของ ประชาชน และ 3.ในการดำเนินการของแต่ละศาลนั้นยังต้องยึดถือหลักความเป็นอิสระของศาล ตามเขตอำนาจแต่ละศาล

และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตุลาการภิวัฒน์" เมือคำวินิจฉัยทั้ง 3 ศาลมีคำสั่งให้ระงับการเลือก ตั้ง สส.ใน จ.ชุมพร,ตรัง,นครศรีธรรมราช,ปัตตานี,พังงา,พัทลุง,ภูเก็ต,สงขลา และสุราษฎร์ธานี รวม 9 จังหวัด 14 เขต ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29เมษายน 2549 นี้เป็นการชั่วคราว  และที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. เป็นโมฆะ  ต่อมาเมื่อเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ก็มีข่าวว่าเขานายชาญชัย ลิขิตจิตถะได้รับทาบทามจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ที่สุด คปค. ก็ได้เลือกพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี และนายชาญชัยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   และพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 26 ก.พ. 2551

ประวัติโดยย่อของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ  จบการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดทรงธรรมจบการศึกษา  ระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2512 จบเนติบัณฑิตไทย พ.ศ. 2514 ได้เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หัวหน้าศาลแขวงนครสวรรค์ หัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี หัวหน้าศาลประจำกระทรวง หัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ หัวหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง หัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รองอธิบดีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ หัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 รองประธานศาลฎีกา และได้เป็นเป็นประธานศาลฎีกาในปี 2548  และเกษียณอายุในปี 2549

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้นายชาญชัย ลิขิตจิตถะเป็นองคมนตรี ในวันที่ 8 เม.ย. 2551 ต่อมาในวันที่ 6 ธ.ค. 2559   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายชาญชัยเป็นองคมนตรี   อย่างไรก็ตามในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552 ชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย ขณะเดินอยู่ใกล้กับบ้านชาญชัย ไว้ได้ และผู้ต้องสงสัยสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจ้างวานให้ลงมือสังหารชาญชัยภายในวันที่ 7 เมษายน  โดยมีการซัดทอดอดีตนักการเมืองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากต้องการสร้างความวุ่นวาย

Cr.คมชัดลึก

กรมการขนส่ง เอาจริง รถตู้ทุกคัน ติดตั้งระบบความปลอดภัย GPS Tracking ก่อน สงกรานต์นี้

 รถตู้


กรมการขนส่ง เอาจริง รถตู้ทุกคัน ติดตั้งระบบความปลอดภัย GPS Tracking ก่อน สงกรานต์นี้


กรมการขนส่งทางบก จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นระบบรถโดยสารสาธารณะ และตรวจความพร้อมรถทุกคันตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด พร้อมเร่งรัดติดตั้ง GPS Tracking ในรถตู้สาธารณะกรุงเทพฯ–ต่างจังหวัด เชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมขนส่งให้แล้วเสร็จ ภายใน 31 มี.ค. 60 ทั้งนี้ ทุกๆ มาตรการจะบังคับใช้กฎหมาย ควบคุม กำกับ ดูแล การดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณีทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการ
 
พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) พร้อมด้วย นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผู้กำกับกลุ่มงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด แถลงผลการประชุมรวมกัน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 60 ว่า  เพื่อตรวจสอบจำนวนรถตู้โดยสารประจำทางในแต่ละเส้นทางให้ตรงกับบัญชีรายละเอียดรถในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง (บัญชี ขส.บ.11) พร้อมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติการนำรถตู้โดยสารประจำทาง (เฉพาะหมวด 2) เข้าสถานีขนส่งปลายทาง 29 จังหวัด รวมถึงการกำหนดจุดจอดเป็นสถานีขนส่งชั่วคราว ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

นอกจากนี้ ได้ให้เข้มงวดกวดขันในทุกขั้นตอนการตรวจสภาพรถ ตรวจสอบด้วยเครื่องมือและต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดทุกรายการ ลงโทษขั้นเด็ดขาดหากไม่ยอมนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ด้านบริษัท ขนส่ง จำกัด ให้เตรียมการตั้งจุด Check Point จุดพักรถในเส้นทางสำคัญ พร้อมเร่งรัดการดำเนินการติดตั้ง GPS Tracking ในรถตู้โดยสารสาธารณะกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 เพื่อสร้างระบบการติดตามพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ และการควบคุมแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน DLT GPS สามารถแจ้งร้องเรียนทุกกรณีการให้บริการที่ผิดกฎหมายผ่านทาง application ดังกล่าวได้ด้วย

กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระบบรถโดยสารสาธารณะ จึงได้กำหนดมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศอย่างเข้มข้น เด็ดขาด จริงจัง โดยจะเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่าง กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่นร่วมดำเนินการตรวจความพร้อมคน ตรวจชั่วโมงการทำงานจากสมุดประจำรถ ตรวจความพร้อมรถตามมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ (Checklist) ที่กำหนดกว่า 20 รายการ เช่น ระบบเบรก ยาง ล้อ เข็มขัดนิรภัย ประตูรถ ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เป็นต้น ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ และทุกๆ เทศกาลหยุดยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ในระบบรถโดยสารสาธารณะปลอดภัยสูงสุดตลอดทั้งปี

Cr.ไทยรัฐ

Tuesday, January 17, 2017

ตรวจดู เซลล์ผิวหนังทารก ผิดปกติแต่กำเนิด จากกล้องจุลทรรศน์ เพื่อการรักษา

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ตรวจดู เซลล์ผิวหนังทารก ผิดปกติแต่กำเนิด จากกล้องจุลทรรศน์ เพื่อการรักษา



ปัญหาของผู้ป่วยโรคเซลล์ผิวหนังผิดปกติแต่กำเนิด ถึงแม้จะพบไม่บ่อย แต่ในรายที่อาการรุนแรงจะเป็นปัญหา และภาระทางสังคมที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องมีความรู้ในการดูแลผิวหนังอย่างถูกต้อง โรคในกลุ่มนี้เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ สามารถแยกเป็นโรคต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเซลล์ผิวหนังแบ่งตัวผิดปกติ เช่น เด็กดักแด้ (lamellar ichthyosis) หรือโรคตุ่มน้ำพองใส (Epidermolysis Bullosa) (EB) หรือที่เรียกว่า โรคเด็กผีเสื้อ โรคเซลล์ผิวหนังแบ่งตัวผิดปกติ แบ่งความรุนแรงได้หลายระดับ แต่ที่พบบ่อยที่สุด อาการจะไม่รุนแรง ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ทางยีนเด่น บางรายต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron Microscope) หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เพื่อให้ทราบว่ามีความผิดปกติอยู่ที่ชั้นไหนของผิวหนัง
   
สำหรับโรคตุ่มน้ำพองใส (Epidermolysis bullosa) (EB) หรือในต่างประเทศเรียกว่า butterfly children หรือโรคเด็กผีเสื้อ เป็นโรคผิวหนังที่พบไม่บ่อย เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างผิวหนัง ในบางรายอาจจะต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron Microscope) หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เพื่อให้ทราบว่ามีความผิดปกติอยู่ที่ชั้นไหนของผิวหนัง มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ชนิดยีนเด่นหรือยีนด้อยก็ได้ ลักษณะของผิวหนังจะเปราะบางเหมือนปีกผีเสื้อ และผิวหนังพองเป็นตุ่มน้ำ เมื่อมีการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย อาจพบตั้งแต่แรกเกิด วัยทารก หรือเด็กโต ในต่างประเทศจะพบอุบัติการณ์ของโรคประมาณ 30 รายต่อทารกแรกเกิด 1 ล้านคน ส่วนในประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบผู้ป่วยประมาณ 10-15 รายต่อปี

กรณีเด็กดักแด้นี้ต้องปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เล็กๆ และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยให้ยาทาให้ความชุ่มชื้นผิวหนัง รวมทั้งระวังปัญหาการติดเชื้อที่ผิวหนัง โดยการให้ยาปฏิชีวนะในรูปแบบยาทา ยารับประทาน หรือยาฉีด รวมทั้งดูแลผลแทรกซ้อนเกี่ยวกับตา หู การหายใจ นอกจากนี้ ควรให้สารอาหารประเภทโปรตีนอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กเจริญเติบโตและไม่เกิดภาวะแคระแกร็นในเด็ก ในบางรายแพทย์ผิวหนังอาจพิจารณาให้ยากลุ่มเรตินอยด์ เพื่อลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง

อาการผิวหนัง แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ตามรอยแยกของตุ่มน้ำ คือ      
     
กลุ่มที่ 1 เรียกว่า EB Simplex ตุ่มน้ำอยู่ในชั้นตื้นในชั้นหนังกำพร้า อาการจะไม่รุนแรง มีตุ่มน้ำพอง เป็นตั้งแต่แรกเกิด ผิวหนังหายไม่เป็นแผลเป็น
     
กลุ่มที่ 2 เรียกว่า Junctional EB ตุ่มน้ำเกิดระหว่างชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ อาการรุนแรง เป็นตั้งแต่แรกเกิด ผิวหนังหายไม่เป็นแผลเป็น มักพบความผิดปกติของเล็บ และความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะได้
     
และกลุ่มที่ 3 เรียกว่า Dystrophic EB ตุ่มน้ำอยู่ในชั้นหนังแท้ ตุ่มน้ำหายแล้วมีแผลเป็น การวินิจฉัยของแพทย์ อาศัยอาการทางคลินิก ในบางรายอาจจะต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา ร่วมกับการตรวจทางจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron Microscope) หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เพื่อให้ทราบว่ามีความผิดปกติอยู่ที่ชั้นไหนของผิวหนัง ซึ่งการพยากรณ์ของโรคจะแตกต่างกัน

หลังจากตรวจวินิจฉัยจากตรวจทางจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron Microscope) หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) แล้ว ในด้านการรักษา “โรคเซลล์ผิวหนังผิดปกติแต่กำเนิด” ที่เกิดจากพันธุกรรม เป็นการรักษาตามอาการ ที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลผิวหนังป้องกันการกระทบกระเทือน เนื่องจากผิวหนังบริเวณที่มีการเสียดสีจะเป็นตุ่มน้ำพอง และต้องระวังภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ถ้ามีการติดเชื้อจะต้องให้ยาปฏิชีวนะทาหรือรับประทาน ให้อาหารและวิตามินให้เพียงพอ ข้อสำคัญต้องให้คำแนะนำทางพันธุกรรมแก่พ่อแม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคในลูกคนต่อไป สรุป โรคเซลล์ผิวหนังผิดปกติตั้งแต่กำเนิด มีอาการและความรุนแรงแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ไม่หาย การรักษาขึ้นกับชนิดของโรค รวมทั้งให้คำแนะนำทางพันธุกรรม และให้ความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลผิวหนังแก่พ่อแม่

Cr. ผู้จัดการ

Monday, January 16, 2017

หวยออก เลขเด็ด เลขดัง จากหลายพื้นที่ ชาวบ้านแห่ไปพิสูจน์

หวยออก


หวยออก เลขเด็ด เลขดัง จากหลายพื้นที่ ชาวบ้านแห่ไปพิสูจน์


นางลิรพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงที่เกิดฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่ที่ผ่านมา ขณะกำลังย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ก็บังเอิญไปพบกับตะพาบสีเหลือตัวนี้ จึงได้จับนำมาเลี้ยงดูไว้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว อีกทั้งยังมีสีแปลกตามจากที่เคยเห็น ทำให้บรรดาชาวบ้านต่างมาส่องดูและวิเคราะห์เลขไปต่างๆ นานา ก่อนวันหวยออก ชาวบ้าน อ.ลำทับ จ.กระบี่ ต่างไปพิสูจน์ดูตะพาบน้ำที่บ้านของ นางลิรพันธ์ อายุ 40 ปี ที่พบว่าเป็นลูกตะพาบน้ำมีลำตัวและกระดองสีเหลืองอร่ามแปลกตา ตัวเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ น้ำหนักราวๆ 3 กรัม เป็นสิ่งที่ชาวบ้านไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ทางด้านชาวบ้าน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ก่อน วันหวยออก ต่างไปมุงดูต้นกล้วยที่สวนของ นางทานิล อายุ 39 ปี ที่ออกปลีและเครือที่ตรงโค่นลำตัวอย่างน่าประหลาด ส่วนที่ด้านหัวปลีมีผลเริ่มแตกออกมาให้เห็น 4 หวี จำนวน 34 ลูก ทำให้ชาวบ้านต่างสนใจและแห่มาดูเพื่อขอโชคลาภ นางทานิล บอกว่า เมื่อ 2 วันก่อนเพิ่งสังเกตเห็นว่าต้นกล้วยมีปลีออกมาแทนหน่อ บริเวณโค่นต้น เห็นว่าแปลกดีจึงบอกต่อๆ กับชาวบ้าน กลายเป็นว่ามีคนเข้ามาขอดูและจุดธูปเทียนบูชาตามความเชื่อ รวมทั้งตีเลขเด็ดไปต่างๆ นานา บางเห็นเป็นเลข 317 หรือ 327 เป็นต้น

ก่อน วันหวยออก ที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอเมืองชลุบรี ชาวบ้านต่างไปดูต้นมะม่วงที่บ้านของ นายชัยรัตน์ อายุ 49 ปี ที่พบว่ามีลักษณะประหลาด ช่อมะม่วงห้อยลงมามีลักษณะแบนๆ คล้ายกับเลข ๙ ของไทย เจ้าของบ้านจึงได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก กระทั่งข่าวกระจายไปทั่วพื้นที่ ต้นมะม่วงต้นนี้อายุราวๆ 30 ปี ไม่เคยออกช่อแบบนี้มาก่อน โดยหลังจากนี้น่าจะร่วงตกมา ทางเจ้าของคิดว่าจะนำช่อมะม่วงนี้ใส่กรอบเก็บไว้ เพราะเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9

ส่วนที่ย่านถนนจอมพล ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมืองนครราชสีมา จากการสำรวจแผงสลากกินแบ่งฯ งวดล่าสุดนี้ ปรากฏว่าคนในพื้นที่ต่างให้ความสนใจตัวเลขที่เกี่ยวกับเหตุเครื่องบินขับไล่กริพเพนตกในงานวันเด็กแห่งชาติ จ.สงขลา ทำให้เลขบางชุดขายเกลี้ยง บางคนต้องซื้อเลขใกล้เคียงไปแทน ขณะที่บรรยากาศของวันครูแห่งชาติ 16 มกราคม ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของบรรดาคอหวย ประชาชนบางส่วนต่างให้ความสนใจกับวันดังกล่าว ก่อน วันหวยออก ผู้ค้าสลากกินแบ่งฯ บางรายบอกว่า เลข 16 ที่ตรงกับวันครู เป็นอีกหนึ่งเลขดังที่ผู้คนตามออกซื้อเก็บไว้ในงวดนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นวันพิเศษของพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ น่าจะเป็นโชคที่ดี

Cr.สนุก นิวส์

เนคเทค วิจัย “เลนส์ทวิทรรศน์” เปลี่ยน สมาร์ทโฟน เป็นกล้องจุลทรรศน์ จาก ทุนวิจัย ระบบคลาวด์

กล้องไมโครสโคป


เนคเทค วิจัย “เลนส์ทวิทรรศน์” เปลี่ยน สมาร์ทโฟน เป็นกล้องจุลทรรศน์ จาก ทุนวิจัยระบบคลาวด์

     
นับเป็นผลงานที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ “เลนส์ทวิทรรศน์” จากห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ หน่วยวิจัยอุปกรณ์และระบบอัจฉริยะ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งเปลี่ยนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตให้เป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope) ซึ่งกล้องจุลทรรศน์ยังบันทึกภาพได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ ในขณะที่ทุนวิจัยจากภาครัฐมีจำกัดจำเขี่ย ส่วนทางไอเดียของนักวิจัยที่พุ่งกระฉูด แต่ทีมวิจัยผู้พัฒนา “เลนส์ทวิทรรศน์” เลนส์ฝืมือไทยที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกล้องจุลทรรศน์ ได้นำเทรนด์การขอทุนวิจัยแบบใหม่ โดยระดมขอทุนจากผู้สนใจใช้ผลิตภัณฑ์จากการวิจัยทั่วโลก นอกจากได้เงินแล้วยังได้คำติชมจากผู้ใช้กลับมาพัฒนางานวิจัยต่อ
     
นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ เนคเทค ดร.อัชฌา กอบวิทยา  หนึ่งในทีมวิจัยเผยถึงแนวคิดในการพัฒนาเลนส์ดังกล่าวว่า ทีมวิจัยได้ช่วยกันระดมความเห็นและเห็นตรงกันว่ากล้องจุลทรรศน์ที่ทีมวิจัยคุ้นเคยนั้นมีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องใช้ภายในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงได้พัฒนาชุดเลนส์ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ดังกล่าวที่ช่วยให้ใช้งานนอกสถานที่ได้ และยังบันทึกภาพได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เลนส์ทวิทรรศน์ผลิตขึ้นด้วยพอลิเมอร์ในกลุ่มซิลิโคนชนิดหนึ่งที่มีความใสและความหนึบ ทำให้ตัวเลนส์สามารถประกอบหน้ากล้องของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้โดยไม่ต้องใช้กาว ซึ่งเบื้องต้นทีมวิจัยได้พัฒนาชุดเลนส์ที่มี 2 กำลังขยาย คือ 25 เท่า และ 50 เท่า โดยใช้สลับกันได้ตามความต้องการ      
     
ทีมวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตเองเพื่อทำต้นแบบสำหรับใช้ส่องตัวอย่างทั่วไป พร้อมกันนี้ทีมวิจัยยังได้ระดมขอทุนวิจัยผ่านระบบคลาวด์ (Cloud Funding) เพื่อพัฒนาเครื่องจักรสำหรับผลิตชุดเลนส์ได้ในปริมาณมากและทดแทนแรงงานคน และจะเปลี่ยน กล้องไมโครสโคป (Microscope) กำลังขยายเป็น 50 เท่า และ 100 เท่า ซึ่ง เป็นการขอทุนดังกล่าวอาศัยการระดมเงินบริจาคจากผู้สนใจทดลองใช้งานวิจัยที่มีใช้กันมากในต่างประเทศ และเป็นอีกช่องทางการขอทุนวิจัยที่ทีมต้องการนำร่องให้นักวิจัยไทยได้รู้จัก และเป็นอีกวิธีให้งานวิจัยเข้าถึงผู้ใช้ตรงตามความต้องการภาครัฐ
     
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ระดมขอทุนวิจัยผ่านทางเว็บไซต์ https://www.indiegogo.com/projects/dual-microscope-lens-for-mobile-devices-twi-vis โดยตั้งเป้าขอทุนวิจัยให้ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลา 1 เดือน หากไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ทางทีมวิจัยเลือกวิจัยคืนเงินแก่ผู้บริจาค ซึ่งจากการสอบถามทีมวิจัยได้รับทุนสนับสนุนแล้วกว่า 3,700 เหรียญสหรัฐ ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม เปลี่ยนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตให้เป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope) ได้ที่ www.facebook.com/PTLdreamteam  เราพัฒนากระบวนการผลิตเองเพื่อทำต้นแบบสำหรับใช้ส่องตัวอย่างทั่วไป หนึ่งในทีมวิจัยเผย

Cr.ผู้จัดการ

รื้อคดี ครูจอมทรัพย์ ผู้ตกเป็นแพะ คดีขับรถชนคนตาย จ.นครพนม ตำรวจ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ครูจอมทรัพย์


รื้อคดี ครูจอมทรัพย์ ผู้ตกเป็นแพะ คดีขับรถชนคนตาย จ.นครพนม  ตำรวจ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย


เกิดความสับสนในสังคม ระหว่างแพะกับแกะ  จากกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี ครูจอมทรัพย์ ครูผู้ตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย อดีตข้าราชการครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎณ์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ถูกจองจำในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ซึ่งเป็นคดีความที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 ศาลพิพากษาให้ติดคุกเมื่อปี 2556 เป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ก่อนได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 ติดคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และครูผู้ตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย จึงได้ร้องเรียนไปยังกระทรวงยุติธรรมในการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่เนื่องจากเธอยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดไม่เคยขับรถชนคนใครให้ถึงแก่ชีวิต

คดีครูจอมทรัพย์ ครูผู้ตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย ขณะที่ในกระบวนการสอบสวนจะไม่มีทางทราบได้ว่าสอบพยานไปกี่ปากแล้วบ้าง โดยระหว่างที่ทำคดีนั้นครูจอมทรัพย์ไม่ให้ให้รายละเอียดในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะไปให้ปากคำที่ชั้นศาลเพียงอย่างเดียว พนักงานสอบสวนจึงทำสำนวนคดีไปตามพยานหลักฐานที่มี ตรงนี้ก็สงสัยได้ว่านางจอมทรัพย์ซึ่งเป็นถึงข้าราชการ ซี 8 เหตุใดจึงไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวน ไม่ต่อสู้แสวงหาพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ในตอนนั้น หากมีการให้ข้อมูลแล้วยืนยันได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนก็อาจนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตั้งแต่ตอนนั้น

ย้อนกลับไปในช่วงเหตุการณ์ที่ต้องถูกดำเนินคดี  ครูจอมทรัพย์ ผู้ตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย กล่าวว่า รู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่า อะไรถึงต้องทำให้ตนกลายเป็นผู้มีความผิด ทั้งที่ตนไม่เคยขับรถชนคนใคร ในรายละเอียดตำรวจระบุว่า พยานเห็นทะเบียน บค 56 แต่ไม่ทราบว่าเป็นทะเบียนจังหวัดไหน ตำรวจเลยสุ่มมาที่ขนส่งสกลนครว่ามีทะเบียนดังกล่าวหรือไม่ปรากฎว่ามี เป็น บค 56 สกลนคร ซึ่งเป็นรถของตน แต่สีรถที่ได้จากที่เกิดเหตุเป็นสีเขียว จึงไม่ตรงกับสีรถของตน ที่มีสีเขียวในรถก็มีแต่สีในตัวอักษรเป็นทะเบียนมีสีเขียว ครูผูตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย จึงสงสัยว่าสีที่ได้จากจักรยานที่เกิดเหตุคือแผ่นป้ายทะเบียน จึงนำไปส่งกองตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เมื่อตรวจสอบแล้วโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจทะเบียนรถไม่มีรอยบุบรอยชน แผ่นป้ายทะเบียนยังอยู่สมบูรณ์ ยังไงก็ไม่ใช่ตน จึงขอเบิกพยานไปให้ปากคำคือสามีและลูกของตน แต่ได้รับคำตอบว่าฟังไม่ขึ้นเพราะเป็นบุคคลในครอบครัว

ผบ.ตร.สั่งการว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทั้งครูจอมทรัพย์ รวมถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย คดีนี้มีการพิจารณาตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ต้องหามีโอกาสได้ชี้แจงตามกระบวนการ ในศาลก็มีการไต่สวน มีพยานมีการไต่สวน การพิจารณารับฟังพยานหลักฐานก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ขอสังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าใครผิด ใครบกพร่อง หรือจับคนผิด ไม่มีจับแพะแน่นอน คดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเอง อย่าเพิ่งเชื่อในกระแส หรือคำพูดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้รอการไต่สวนรื้อฟื้นคดีของศาลเสียก่อน

Cr.ผู้จัดการ,คมชัดลึก

Sunday, January 15, 2017

Leica ผู้ผลิตเลนส์ กล้องไมโครสโคป สู่ การถ่ายภาพ แห่งความประทับใจ จากสมาร์ทโฟน

กล้องไมโครสโคป


Leica ผู้ผลิตเลนส์ กล้องไมโครสโคป สู่ การถ่ายภาพ แห่งความประทับใจ จากสมาร์ทโฟน


วงการการถ่ายภาพได้มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อ วิศวกรชาวเยอรมัน ได้สร้างนวัตกรรมใหม่แห่งการถ่ายภาพ ด้วยการผลิตกล้องถ่ายภาพที่มีเลนส์คุณภาพที่ดีที่สุดและมีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน สามารถพกพาไปถ่ายในที่ต่างๆได้ตามต้องการ จนกระทั่งเป็นที่นิยมในคนหมู่มากในที่สุดธุรกิจของแบรนด์ Leica ถือกำเนิดขึ้นจากการผลิตเลนส์ของ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เพื่อจุดประสงค์ทางการค้นคว้าและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1925 ที่มีการผลิตกล้องถ่ายภาพ 35 มิลลิเมตร และได้รับการตอบรับจากความสำเร็จในครั้งนี้อย่างล้นหลาม สามารถเปลี่ยนแปลงวงการการถ่ายภาพไปอย่างสิ้นเชิง ลองมาย้อนประวัติของ แบรนด์ Leica

หากถามช่างถ่ายภาพมืออาชีพหรือนักสะสมกล้องถ่ายภาพตัวยงน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักแบรนด์ Leica ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการถ่ายภาพแบบ Snapshot หรือการถ่ายภาพแบบรวดเร็ว ที่สามารถเก็บทุกภาพแห่งความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหรืออิริยาบถใดด้วยภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูง ตำนานของ Leica เริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ในช่วงเวลาที่กล้องถ่ายภาพในยุคแรกนั้นถูกประกอบขึ้นจากกล่องไม้และแผ่นกระจกเพื่อนำมาทำเป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope) ก่อนที่จะเป็นกล้องถ่ายภาพ ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระหรือพกพาไปยังที่ต่างๆได้ ดังนั้นในตลาดกล้องถ่ายภาพในยุคแรกจึงไม่มีผู้ผลิตรายใดที่ผลิตกล้องที่มีคุณภาพสูงที่สามารถพกพาใช้งานได้สะดวกในขณะเดียวกันได้

จากการถือกำเนิดของกล้องถ่ายภาพ Leica นั้นทำให้การถ่ายภาพแนวใหม่อย่าง Snapshot เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ช่วงเวลาที่สำคัญมากมายได้ถูกจารึกไว้อย่างแนบเนียนในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวได้ว่ากล้องถ่ายภาพนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้รักการถ่ายภาพที่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกหวาดกลัว ความเจ็บปวด ความสนุกสนาน ความเศร้าโศกเสียใจ ความสูญเสีย ความพ่ายแพ้ การเอาชนะ และอื่นๆอีกมากมาย เพราะกล้องถ่ายภาพ Leica ให้ความสะดวกแก่ผู้รักการถ่ายภาพไม่ว่าจะถ่ายในสถานการณ์ใด

ซึ่งความสะดวกในการพกพากล้องถ่ายภาพนี้ทำให้เกิดการถ่ายภาพอีกหนึ่งรูปแบบคือ Street Style ที่กำลังนิยมในปัจจุบันนั่นเอง โดยช่างถ่ายภาพที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในการถ่ายภาพแบบ Street Style นี้ คือช่างภาพมืออาชีพอย่าง  Henri Cartier-Bresson, Elliott Erwitt, Robert Frank, Bruce Gilden, Bruce Davidson, Inge Morath, Martine Franck, Sebasti?o Salgado, Alex Webb, Joel Meyerowitz, Garry Winogrand, Mark Cohen เเละ Ralph Gibson และทุกคนที่กล่าวมาก็ล้วนใช้กล้องถ่ายภาพ Leica เป็นอุปกรณ์คู่กายของพวกเขาทั้งสิ้น

หากกล่าวถึงคุณูปการของ Leica ที่มีต่อยุคปัจจุบันนั้น Leica ได้ใช้พื้นฐานแห่งนวัตกรรมเพื่อปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน โดยเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก อย่าง หัวเว่ย สู่การนำเสนอมิติใหม่แห่งการเป็นผู้นำการถ่ายภาพคุณภาพสูงผ่านสมาร์ทโฟน หัวเว่ย พีเก้า โดยการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Leica ในการนำพาบริษัทเข้าสู่โลกแห่งนวัตกรรมอย่างแท้จริง เมื่อเทรนด์ของการถ่ายรูปได้เปลี่ยนแปลงไป และพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้หันมาใช้อุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพมากขึ้น

การร่วมมือกับแบรนด์สมาร์ทโฟนเพื่อพัฒนาคุณภาพของภาพถ่ายในสมาร์ทโฟนจึงเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดของ Leica ที่จะผสานความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพของตนเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในการเป็นผู้นำด้านการถ่ายภาพมากว่า 100 ปีได้ ในทุกๆครั้งที่หยิบสมาร์ทโฟนที่มีการร่วมออกแบบและพัฒนาจาก ตำนานแห่งผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพและการผลิตเลนส์ของ กล้องไมโครสโคป (Microscope) อย่าง Leica ออกมาเพื่อถ่ายภาพเพื่อเก็บช่วงเวลาแห่งความประทับใจต่างๆอย่างไม่สิ้นสุด

Cr.สยามโฟน

เปิดงาน วันครู ปี 60 นายกรัฐมนตรี พร้อมดูแลและสนับสนุนครู ขอครูพัฒนาตัวเอง ทันครู กูเกิ้ล

วันครู


เปิดงาน วันครู ปี 60 นายกรัฐมนตรี พร้อมดูแลและสนับสนุนครู ขอครูพัฒนาตัวเอง ทันครู กูเกิ้ล


นายกรัฐมนตรี เปิดงานวันครู ประจำปี 2560 กล่าวว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ทรงเคยตรัสไว้ว่าประเทศต้องพัฒนาแบบตะวันตกและตะวันออกให้สมดุลกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ พัฒนาด้วยหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา และการต่อยอดและน้อมนำพระราชดำรัสรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ ส่วนตัววันนี้ ครูอย่าสอนเด็กให้ดูแต่ในยูทูป แต่ควรสอนให้เด็กอ่านหนังสือ และครูต้องรู้เรื่องทุกอย่าง เศรษฐกิจ ความมั่นคง ต่างประเทศ ครูต้องรู้ทุกกิจกรรม และดูผมบ้างว่าผมทำอะไร เพื่อผลิตคนพัฒนาไปใน ทางไทยแลนด์ 4.0

เช้าวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเนื่องในวันครู ประจำปี 2560 พร้อมด้วย นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมประกอบพิธีบูชาบูรพาจารย์ กล่าวปฏิญาณตนพร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมยกย่องเชิดชูเกียรติและทำพิธีคารวะครูอาวุโสของนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน คือ พลตรีหญิงศรีสมร ทังสุบุตร ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 5 และ พลตรีหญิงอรพินท์ เพชรพลอย สอนวิชาประวัติศาสตร์ยุโรป ชั้นปีที่ 3 และวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกไกล ชั้นปีที่ 4 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและน้อมรำลึกถึงพระคุณครู

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง กล่าวว่า เวลาไม่เคยคอยใคร เวลาเดินตลอด แต่ต้องทำประเทศชาติให้ดีขึ้น วันนี้บรรดาลูกศิษย์ก็ได้แสดงกตัญญูกตเวที ซึ่งตนเคารพในครูอยู่แล้วเนื่องจากมีแม่ก็เป็นครู และภรรยาก็เป็นครู อย่างไรก็ตามวันที่ 16 ม.ค. เป็นวันครู ซึ่งครูและเด็กต้องปรับตัวเข้าหากันตลอดเวลา เพราะครูเป็นผู้ให้ความรู้ เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองในการถ่ายทอด อบรมทางวิชาการ ให้ศิษย์เป็นคนดีของสังคม เพราะทุกวันนี้พ่อแม่จะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก ครูที่นอกจากให้ความรู้แล้วต้องชี้ทางที่ดีให้กับลูกศิษย์ด้วย หากไม่มีครูการศึกษาของประเทศคงเดินหน้าไม่ทันประเทศอื่น

วันครู ตนจึงอยากให้ครูดึงศักยภาพของเด็ก คนในชุมชนออกมาให้ได้มากที่สุด ทุกคนต้องเป็นครู ผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศรวมถึงเน้นให้เด็กมุ่งหวังผลประโยชน์ของชาติมาก่อน  วันนี้ต้องเปลี่ยนทั้งหมด โดยไม่ลืมประวัติศาสตร์ วันนี้ต้องทำเพื่ออนาคต เราต้องช่วยกันให้ครู ระบบการศึกษามีประสิทธิภาพมากที่สุด ครูก็ต้องเป็นนักเรียนไปด้วย ไม่เช่นนั้นเด็กจะหาว่าเป็นครูโบราณที่สู้ครูกู(เกิ้ล) ไม่ได้ เพราะเด็กสมัยนี้สมาธิสั้น จึงต้องบ่มเพาะลูกหลาน ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่ต้องมีคุณธรรม เพราะเมื่อทุกคนมีคุณธรรมองค์กรจะมีจริยธรรม

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการดูแลและสนับสนุนครู ให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี รวมไปถึงปัญหาหนี้สินของครู ซึ่งวันนี้รวมหนี้ครู หนี้ทหารกว่า แสนล้านบาท เพราะประชาธิปไตยแบบตะวันตก หนี้ครูมากกว่าจีดีพีของประเทศ ซึ่งเกิดจากความต่างในโลกเสรีที่ตนพยายามทำให้เท่ากันด้วยกฎหมาย แต่ขอให้เห็นใจรัฐบาลที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศไม่ใช่เพียงครูอย่างเดียว และขอทุกคนร่วมมือแก้ปัญหากับรัฐบาล เช่น เรื่องน้ำท่วม ขออย่าสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำไหลไม่ให้ประเทศเสียหาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนเด็กทุกคนขอบคุณครู วันครูและขอให้ช่วยกันหาวิธีทำอย่างไรให้เด็กตั้งใจเรียนไม่ง่วงนอน ขอให้อดกลั้นช่วยกันสร้างเด็กทุกช่วงวัยให้มีความคิดพื้นฐานเดียวกัน รู้จักเหตุและผล ซึ่งไทยยังทำไม่สำเร็จทำให้มีคนสามารถเข้ามาสร้างความปลุกปั่นได้ด้วยคำว่า คนจน พร้อมฝากข้อคิดให้กับครู 2 ข้อ คือ สร้างกิจกรรมปฏิรูปกับเด็กและสังคม กับการพัฒนาตนเอง ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และพัฒนากระบวนการคิด ประโยชน์สังคม พร้อมย้ำว่าไม่ได้มองเรื่องสืบทอดอำนาจ แต่มองว่าจะพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้อย่างไรในกรอบที่ได้วางไว้

Cr.วอชทีวี

เครื่องประดับ เพชรแท้ Hello Kitty ลิขสิทธิ์รายเดียวจาก SANRIO พิสูจน์ความแท้ได้จาก กล้องจุลทรรศน์

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


เครื่องประดับ เพชรแท้ Hello Kitty ลิขสิทธิ์รายเดียวจาก SANRIO พิสูจน์ความแท้ได้จาก กล้องจุลทรรศน์


ดีไซน์ของคอลเลคชั่นนี้ใช้ชื่อว่า  Happy-Go-Lucky ลิขสิทธิ์รายแรกรายรายเดียวจาก SANRIO สำหรับการออกแบบในคอลเลคชั่นได้ใส่ดีไซน์ความน่ารักของ KITTY แล้วยังใส่ดีไซน์ของ Clover Four Leaf หรือที่เรียกกันว่าใบ Lucky ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ได้แก่ HOPE , LUCK , LOVE และ FAITH ลงไปในชิ้นงานด้วย มั่นใจได้ว่าถูกใจสาวกคนรัก Hello Kitty แน่นอน เพื่อรับประกันได้ว่าเป็น Hello Kitty ของแท้แน่นอนโดยสามารถดูผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ที่เพชรยูบิลลี่ได้

โดยคอลเลคชั่น Happy-Go-Lucky ออกแบบทั้งหมด 14 ดีไซน์ ราคาเริ่มต้น 9,900 บาท ใช้เพชรสีขาวใสน้ำ 99 (E color) ด้านหลังตัวเรือนรองลายด้วย Gallery Signature Logo Hello Kitty  ตัวเรือนผลิตจากทองคำแท้ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตจากญี่ปุ่น มาตรฐานของเพชรยูบิลลี่ มีให้เลือกทั้ง Pink Gold, White Gold และ Yellow Gold" ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ได้ลิขสิทธิและปรากฏโลโก้หลังตัวเรือนเช่นนี้สามารถดูผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ ที่พิสูจน์ความเป็นของแท้แน่นอนผู้ครอบครองมั่นใจ

สินค้าสุดพิเศษและแตกต่าง ทำให้ผู้ครอบครองมั่นใจได้ นอกจากนี้ยังมี Laser Sanrio License Logo เพื่อรับประกันได้ว่าเป็น Hello Kitty ของแท้แน่นอนโดยสามารถดูผ่านกล้อง Microscope ที่เพชรยูบิลลี่ได้  สิทธิ์พิเศษแด่ท่านสมาชิกเพชรยูบิลลี่ และแฟนพันธ์แท้ Hello Kitty กับ Hello Kitty Special Packaging ถุง Microfiber ดีไซน์พิเศษเพื่อคอลเลคชั่นนี้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บรักษาสินค้า และสามารถเช็ดทำความสะอาดเพิ่มประกายเงางามของสินค้า  Hello  Kitty Happy-Go-Lucky และยังมีใบ Member Card พร้อม Certificate Card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะคอลเลคชั่นนี้เท่านั้น

โอกาสสำคัญที่แฟนคลับของ Hello Kitty ไม่ควรพลาดกับเครื่องประดับเพชรแท้ Hello Kittyจาก Jubilee Diamond กับ Limited Edition จำนวนจำกัดเท่านั้น สินค้าทุกชิ้นเป็นลิขสิทธิ์ตรงจากญี่ปุ่นที่ Jubilee Diamond เน้นมาเอาใจแฟนๆ Hello Kitty โดยเฉพาะ พร้อมด้วยกล่องใส่เครื่องประดับสุดเก๋และใบรับประกันสินค้าสุดน่ารักลาย Hello Kitty” เป็นเจ้าของและเชิญพบกับรายการสุดพิเศษจากเพชรยูบิลลี่กว่า 120 ทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

Saturday, January 14, 2017

เปิดแล้ว ‘จูราสสิค พาร์ค’ ไดโนเสาร์ และสัตว์ดึกดำบรรพ์ ต้อนรับ วันเด็กแห่งชาติ สวนนงนุชพัทยา

สวนนงนุช


เปิดแล้ว ‘จูราสสิค พาร์ค’ ไดโนเสาร์ และสัตว์ดึกดำบรรพ์  ต้อนรับ วันเด็กแห่งชาติ สวนนงนุชพัทยา 


เปิดแล้ว ‘จูราสสิค พาร์ค’ ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ สวนนงนุชพัทยา  โดยนายกัมพล ตันสัจจา ผอ.สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2560 ทางสวนนงนุชพัทยา อยากให้เด็ก ๆ มีความสุข จึงได้เนรมิตของขวัญชิ้นโตเนรมิตดินแดน‘จูราสสิค พาร์ค’ ด้วยการทุ่มทุนจัดสร้าง ดินแดน จูราสสิค พาร์ค มีรูปปั้นจำลองไดโนเสาร์ และสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เสมือนจริงทุกสายพันธุ์ ท่ามกลางสวนดอกไม้ฝรั่งเศส 2 ซึ่งจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเด็ก ๆ  ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ เด็ก ๆ รวมถึงนักท่องเที่ยว จะสามารถเซลฟี่เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

นอกจากนี้ ในวันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 ม.ค. จะเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน ที่ความสูงไม่เกิน 140 ซม.เข้าเที่ยวชม‘จูราสสิค พาร์ค’ ฟรี ไปจน ถึงวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.ซึ่งจะถือให้เป็นสัปดาห์สำหรับเด็ก ในการนี้ ยังมีกิจกรรมเวที การแสดง และแจกของรางวัลมากมาย เพื่อเติมรอยยิ้ม สร้างความสุข ให้แก่เหล่าผู้ที่จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า ได้มีขวัญกำลังใจ ที่จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เป็นคนดีของครอบครัวและสังคมต่อไป

นอกจาก ‘จูราสสิค พาร์ค’ แล้ว สวนนงนุชยังมีจุดที่สามารถเที่ยวชมธรรมชาติต่างๆ ภายในสวนนงนุชมากเกือบ 60 จุดที่นอกเหนือจาก‘จูราสสิค พาร์ค’ ไดโนเสาร์ และสัตว์ดึกดำบรรพ์แล้วยังสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงของ ช้างแสนรู้ ความสามารถที่คุณคาดไม่ถึงทั้งในการเล่นกีฬา เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล โบว์ลิ่ง รวมทั้งศิลปะการวาดภาพและการเต้นรำ อันเป็นที่ชื่นชอบและประทับใจของเด็ก ๆ รวมถึงนักท่องเที่ยว ที่ได้มาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก และชมความยิ่งใหญ่งดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย ด้วยที่อ่อนช้อยสวยงาม พร้อมฉากและเครื่อง แต่งกายที่ประณีตอลังการใส่ใจทุกรายละเอียดของการแสดง

ไม่เพียงเท่านี้ สวนนงนุชพาราไดซ์ ที่เที่ยวที่ครองใจคู่รักในพัทยา มาเที่ยวที่นี้ต้องมากับคู่รักและครอบครัวก็ได้ หรือพาเด็ก ๆ มางานวันเด็ก  แต่ที่จริงแล้วจะมากับคู่รักหรือครอบครัวก็อบอุ่นกันไปคนละแบบนะ ว่าแต่ถ้ามากับครอบครัวก็ดีกว่าเพราะถ้ามาเป็นหมู่คณะเขามีส่วนลดให้ด้วย พาครอบครัวลูก ๆ เข้ามาในสวนนงนุชแนะนำคุณพ่อคุณแม่ให้มารับแผนที่หรือคำอธิบายต่างๆที่ท่านสงสัยที่เคาวน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ตึกประชาสัมพันธ์ด้านใน ถัดจากจุดจำหน่ายบัตรมาไม่ไกล สอบถามสาวๆ เจ้าหน้าที ที่นี่ดูได้นะ

Cr.คมชัดลึก,iPattaya News

เทอร์โมมิเตอร์จิ๋ว เล็กสุดในโลก อ่านอุณหภูมิเคลวิน ต้องใช้ กล้องจุลทรรศน์ เล็กกว่า เส้นผมของคนประมาณ 10 เท่า

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


เทอร์โมมิเตอร์จิ๋ว เล็กสุดในโลก อ่านอุณหภูมิเคลวิน ต้องใช้ กล้องจุลทรรศน์ เล็กกว่า เส้นผมของคนประมาณ 10 เท่า


ในวารสาร Nature ฉบับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2015 นักประดิษฐ์ Yihua Gao และ Yoshio Bando แห่ง National Institute for Materials Science ที่เมือง Ibaraki ในญี่ปุ่นได้รายงานความสำเร็จในการประดิษฐ์เทอร์โมมิเตอร์ขนาดจิ๋วที่สุดในโลก โดยใช้ท่อคาร์บอนนาโนที่มีความยาวน้อยกว่าความกว้างของเส้นผมของคนประมาณ 10 เท่า และภายในมีโลหะ gallium ที่สามารถขยายตัว และหดตัวได้ เวลาอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ในช่วง 50 ถึง 500 องศาเซลเซียส และละเอียดถึงสเกลเคลวิน (ใช้สัญลักษณ์ K โดยไม่มีคำว่าองศา) การเป็นเทอร์โมมิเตอร์ที่เล็กสุดยอดนี้ เวลาใช้อ่านอุณหภูมิ ผู้อ่านต้องใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์แบบ Scanning Electron Microscope จึงจะอ่านสเกลเห็น

ย้อนอดีตไปถึงปี 1848 เมื่อนักฟิสิกส์ชื่อ William Lord Kelvin ได้ปรารภถึงเทคนิคการวัดอุณหภูมิว่า เทอร์โมมิเตอร์ต้องมีมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงได้เสนอให้อุณหภูมิ -273องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิศูนย์องศาสัมบูรณ์ และให้ทุกองศา Kelvin ที่เพิ่มมีค่าเท่ากับ 1 องศาเซลเซียส สเกลการวัดอุณหภูมิในระบบนี้จึงเรียกสเกลเคลวิน ถึงปี 1968 ที่ประชุม General Conference on Weights and Measures จึงได้เปลี่ยนหน่วยอุณหภูมิเป็น Kelvin เฉยๆ โดยไม่มีคำว่าองศา (และใช้สัญลักษณ์ K)
     
ในปี 2005 คณะกรรมการมาตรการวัดนานาชาติ The Comit International des Poids et Measures (CIPM) ได้กำหนดค่า Kelvin ใหม่ ก่อนที่จะพัฒนาหน่วยอุณหภูมิเป็น Kelvin เพราะค่าที่กำหนดในปัจจุบันเวลานำไปใช้วัดอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 20K และสูงกว่า 1300K ไม่ได้ผลดี CIPM จึงกำหนดให้ Kelvin เป็นสเกลอุณหภูมิของพลังงาน 1 จูลที่ได้จากการคำนวณโดยการใช้ค่าคงตัว Boltzmann = 1.3806505 x 10-23 จูล/K จะละเอียดกว่า จึงพัฒนาตัว เทอร์โมมิเตอร์ขนาดจิ๋วที่สุดในโลก ที่วัดค่าได้ละเอียดแต่ผู้อ่านต้องใช้ กล้องจุลทรรศน์ เป็น กล้องไมโครสโคป (Microscope) แบบ Scanning Electron Microscope จึงจะอ่านสเกลเห็น
     
ส่วนเวลาจะวัดอุณหภูมิระดับ 1 นาโนเคลวิน (10-9 องศา) นั้น นักฟิสิกส์ไม่ได้ใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ แต่ใช้เทคนิคที่เรียกว่า laser cooling คือ การทำให้ระบบอะตอมเย็นลง โดยใช้เลเซอร์ยิงกลุ่มอะตอมให้รับอนุภาค photon ของเลเซอร์เข้าไป จากนั้นกลุ่มอะตอมก็จะคาย photon ออกมา ในทิศทางอื่นที่มิใช่ทิศที่มันรับเข้าไป เพราะ photon ของแสงที่กระเจิงไปนี้มีความยาวคลื่นสั้นกว่าคลื่นแสงที่มันรับเข้าไป มันจึงมีพลังงานมากกว่าพลังงานของ photon ที่มันรับ

และเมื่อพลังงานของระบบ (อะตอมกับแสง) จะต้องไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อ photon ที่หนีไปมีพลังงานมาก อะตอมที่เหลืออยู่จึงต้องมีพลังงานจลน์น้อยลง นั่นคือเคลื่อนที่ช้าลง และอุณหภูมิของอะตอมก็จะลดตาม เมื่อ photon เล็ดรอดหนีไปมากขึ้นๆ กลุ่มอะตอมก็จะเคลื่อนที่ช้าลงๆ อุณหภูมิของกลุ่มอะตอมก็จะลดลงๆ และความหนาแน่นของกลุ่มอะตอมก็จะมากขึ้นๆ และอะตอมจะชนกันมากขึ้น แต่ไม่เคลื่อนที่เร็วเกินไปจนทำให้นักฟิสิกส์สามารถใช้สนามแม่เหล็กที่มีความเข้มไม่สม่ำเสมอกักขังอะตอมไม่ให้หนีไปไหนมาไหนได้
     
ในการทดลองของ Wolfgang Ketterle แห่ง Massachusetts Institute of Technology (MIT) ซึ่งทำให้เขาได้รับ 1/3 ของรางวัลโนเบลฟิสิกส์ประจำปี 2001 Ketterle ได้ใช้อะตอมของ sodium ที่มีอิเล็กตรอนในวงนอกสุดเพียงตัวเดียว ดังนั้นอะตอมจึงมีโมเมนต์แม่เหล็ก (magnetic moment) ที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นแท่งแม่เหล็กขนาดจิ๋ว ด้วยเหตุนี้เวลาใช้สนามแม่เหล็กกระทำต่อกลุ่มอะตอมนี้ สนามแม่เหล็กจะผลักกลุ่มอะตอมให้ลอยขึ้นสูง และกักขังให้เกาะกันเป็นกลุ่ม จากนั้น Ketterle ก็ปล่อยอะตอมที่มีพลังงานมากให้เล็ดรอดหนีออกไปจากกลุ่ม โดยใช้สนามแม่เหล็กอีกสนามหนึ่งที่มีความเข้มสูงเพื่อเปลี่ยนพลังงานของโมเมนต์แม่เหล็ก ให้อะตอมที่มีพลังงานมากเล็ดรอดหนีออกไปจากที่กักขัง
     
ในการวัดอุณหภูมิของกลุ่มอะตอมนี้ นักฟิสิกส์จะวัดขนาดของกลุ่ม เพราะถ้ากลุ่มมีขนาดใหญ่ นั่นแสดงว่า อะตอมมีพลังงานจลน์มาก จนสามารถต่อต้านแรงจากสนามแม่เหล็กได้ หรือใช้อีกวิธีหนึ่ง คือวิธีเปลี่ยนความเข้มสนามแม่เหล็ก เพราะสนามแม่เหล็กมีแรงกระทำต่ออะตอม มีผลทำให้อะตอมแยกจากกัน คือกลุ่มจะขยายตัว และขนาดของกลุ่มจะเพิ่ม วิธีนี้ก็สามารถบอกความเร็วของอะตอมได้ การรู้ความเร็วทำให้รู้อุณหภูมิของมัน หลังจากที่ให้กลุ่มอะตอมขยายตัวในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว การวัดขนาดของกลุ่มที่เปลี่ยน ก็จะบอกได้ว่า อุณหภูมิที่ลดไปนั้นมีค่าเท่าไร

Cr.ผู้จัดการ

Friday, January 13, 2017

5 สถานที่ จัดงาน ต้อนรับ วันเด็ก 2560 นี้ พร้อมกิจกรรมมากมาย ให้น้อง ๆ ได้เที่ยวงาน วันเด็กแห่งชาติ และ สนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม

วันเด็ก


5  สถานที่ จัดงาน ต้อนรับ วันเด็ก 2560 นี้ พร้อมกิจกรรมมากมาย ให้น้อง ๆ ได้เที่ยวงาน วันเด็กแห่งชาติ และ สนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม


5  สถานที่จัดงานวันเด็ก 2560 ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคมนี้ จึงได้รวบรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยว 5 สถานที่ที่น่าสนใจ ที่จัดงานวันเด็ก 2560 มาให้ผู้ปกครองและเด็กๆ ที่จะพาน้องๆ  หนูๆ ไปท่องเที่ยวและร่วมกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 สนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม ได้ที่ใดบ้าง  ซึ่งจัดเกือบทั้งประเทศ ตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ปกครองช่วยระมัดระวังการพลัดหลงกับบุตรหลาน ขอให้เขียนป้ายชื่อเด็ก ชื่อผู้ปกครอง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ สถานที่อยู่ ใส่ไว้ในกระเป๋าเด็กไว้ด้วย

1. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
ขอเชิญน้อง ๆ ร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด " เรียนรู้ เดินตาม งานของพ่อ " ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 เวลา 09.00-16.00 น. ณ สวนเกษตรทฤษฎีใหม่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในงานน้อง ๆ จะได้เรียนรู้และสัมผัสกับประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติผ่านกิจกรรมที่น้อมนำแนวพระราชดำริและคำสอนของพ่อมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต

2. องค์การสวนสัตว์ 7 แห่งทั่วประเทศ
เนื่องใน วันเด็กแห่งชาติ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้และจินตนาการ องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์จึงจัดกิจกรรม " วันเด็ก เที่ยวสวนสัตว์ฟรีทั่วไทย " โดยเปิดสวนสัตว์ทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ ให้เด็กเข้าชมฟรีในวันเสาร์ที่ 14-15 มกราคม ประกอบด้วย สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา สวนสัตว์ขอนแก่น และสวนสัตว์อุบลราชธานี

3. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
ท้องฟ้าจำลอง เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ สามารถเข้าเที่ยวชมได้ฟรี ในวันเด็กแห่งชาติ 14 มกราคม 2560 โดยเปิดการแสดงทั้งหมด 9 รอบ รอบละ 280 ที่นั่ง เพื่อให้บริการเหล่าปีศาจตัวน้อย ครึ่งแรกของการแสดงเป็นการสอนดูดาว ครึ่งหลังเป็นภาพยนตร์เต็มโดมเรื่อง " Flight Adventures-กว่าจะบินได้ " ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ

4. กองบิน 1 โคราช จังหวัดนครราชสีมา
กองบิน 1 โคราช ขอเชิญชวนเยาวชนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ 2560 ร่วมสนุกกับกิจกรรมหลากหลายแบบ พร้อมชมการแสดงเครื่องบินต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงผาดแผลง พร้อมกิจกรรมมากมาย ตั้งแต่เวลา 07.30-16.00 น. ณ ลานจอดเครื่องบิน กองบิน 1 นครราชสีมา

5.โรงเรียนการบิน กำแพงแสน นครปฐม
ฐานทัพอากาศ เป็นสถานที่แห่งความฝันของเด็กหลายๆ คนที่อยากเป็นนักบิน ภายในงานจะมีการจัดแสดงเครื่องบินรบ อาวุธยุโธปกรณ์รุ่นต่างๆ เช่น F16, AU-23 (Peacemaker), Gripen, L39, PC9, CT 4, F5, UH-1H(Huey) ทั้งบนพื้นและการบินโชว์โรงเรียนการบิน กำแพงแสน นครปฐม ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 2560 ขอเชิญชวนผู้ปกครอง และเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ 2560 ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ณ ลานจอดอากาศยานโรงเรียนการบิน ตำบลกระตีบ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พบกับการแสดงโชว์เครื่องบิน การแสดงการบินของอากาศยาน และร่วมสนุกชิงรางวัลมากมาย ชมฟรีตลอดงาน

Cr.สนุก นิวส์

เครื่องมือ กำจัด 'ไส้เดือนฝอย' ออกจาก 'พรรณไม้น้ำ' ปลอดภัย เพื่อการส่งออก ต่างประเทศ โดย กรมวิชาการเกษตร

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


เครื่องมือ กำจัด 'ไส้เดือนฝอย' ออกจาก 'พรรณไม้น้ำ' ปลอดภัย เพื่อการส่งออก ต่างประเทศ โดย กรมวิชาการเกษตร


พรรณไม้น้ำเป็นสินค้าที่ไทยมีการส่งออกมาเกือบ 20 ปี โดยส่งออกควบคู่ไปกับปลาสวยงาม แต่ที่ผ่านมา ประเทศผู้นำเข้าโดยเฉพาะอียูได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้าสินค้าพรรณไม้น้ำเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าจะมีไส้เดือนฝอยศัตรูพืชติดไปกับรากพรรณไม้น้ำที่นำเข้าและไปแพร่ระบาดทำลายพืชปลูกในอียู ซึ่งหากตรวจพบว่า มีไส้เดือนฝอยศัตรูพืชปนเปื้อน สินค้าจะถูกตีกลับหรือถูกเผาทำลายทิ้งทันที กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนิน “โครงการพัฒนาการผลิตพรรณไม้น้ำปลอดไส้เดือนฝอยศัตรูพืชเพื่อการส่งออก” เพื่อยกระดับการผลิตพรรณไม้น้ำของไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศคู่ค้า โดยได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. 

จากปัญหานี้ ดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร ได้วิจัยและพัฒนาการผลิตพรรณไม้น้ำปลอดไส้เดือนฝอยศัตรูพืชเพื่อการส่งออก ป็นชุดเครื่องมือตรวจแยกไส้เดือนฝอยออกจากรากพรรณไม้น้ำที่มีขนาดเล็ก พร้อมติดตั้ง กล้องไมโครสโคป (Microscope) 
ซึ่งแก้ปัญหา ไส้เดือนฝอยในสินค้าพรรณไม้น้ำได้สำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สินค้ามีทิศทางสดใสในตลาดโลก เพราะ “พรรณไม้น้ำ” เป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสกุล Anubias ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าการส่งออกปีละกว่า 50 ล้านบาท

ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร ได้พัฒนาชุดตรวจไส้เดือนฝอยภาคสนาม หรือ NEMA KIT ใช้ตรวจแยกไส้เดือนฝอยซึ่งเป็นศัตรูพืชในกลุ่ม migratory endoparasite เป็นชุดเครื่องมือตรวจแยกไส้เดือนฝอยออกจากรากพรรณไม้น้ำที่มีขนาดเล็ก พร้อมติดตั้ง กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็น กล้องจุลทรรศน์ (Mini microscope) กำลังขยาย 50 เท่า ตรวจหาไส้เดือนฝอยที่แยกจากรากได้ทันที ซึ่งเกษตรกรสามารถพกพากล้องจุลทรรศน์ไปใช้ในแปลงปลูกพืชที่ประสบปัญหาการปนเปื้อนไส้เดือนฝอยในระบบรากได้ อาทิ พรรณไม้น้ำ กล้วยไม้ หน้าวัว ฟิโลเดนดรอน กวักมรกต และไม้ประดับอื่นๆ เพื่อติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไส้เดือนศัตรูพืชได้ด้วยตนเอง

โดยหลักการทำงานของเครื่องมือชุดตรวจไส้เดือนฝอยภาคสนามพร้อมติดตั้ง กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกระบวนการแยกไส้เดือนฝอยออกจากรากพืชด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิค ที่ความถี่ 40 กิโลเฮิรตซ์ ผลักดันให้ไส้เดือนฝอยที่อาศัยอยู่ภายในรากเคลื่อนที่ออกมา โดยมีน้ำเป็นตัวกลางส่งคลื่นความถี่สู่รากพืช มีผลทำให้โมเลกุลของของเหลวเกิดการบีบอัดและคลายตัวเป็นจังหวะ เกิดเป็นฟองอากาศขนาดเล็กๆ ที่มีพลังงานแฝง ซึ่งสามารถเข้าซอกซอนในระบบรากและรบกวนหรือขับไล่ไส้เดือนฝอยให้เคลื่อนที่ออกมาสู่น้ำ โดยใช้เวลาตรวจเพียง 20 นาทีก็ทราบผล และตรวจได้ครั้งละ 2 ตัวอย่าง มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้เครื่องพ่นหมอก 

กรมวิชาการเกษตรได้มอบชุดตรวจเครื่องมือตรวจแยกไส้เดือนฝอยออกจากรากพรรณไม้น้ำที่มีขนาดเล็ก พร้อมติดตั้ง กล้องไมโครสโคป (Microscope) นี้ให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชกว่า 20 ชุด นำไปเป็นเครื่องมือตรวจสอบพืชต้องสงสัยการปนเปื้อนไส้เดือนฝอยศัตรูพืชที่อาจติดมากับสินค้าเกษตรนำเข้า เช่น หอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ซึ่งจะทราบผลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการส่งตัวอย่างตรวจที่ห้องปฏิบัติการ 

อีกทั้ง นักวิจัยด้านไส้เดือนฝอยของออสเตรเลียสนใจได้นำเทคนิคการตรวจแยกไส้เดือนฝอยจากรากพืชโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิค ด้วยเครื่องมือตรวจแยกไส้เดือนฝอยออกจากรากพรรณไม้น้ำที่มีขนาดเล็ก พร้อมติดตั้ง กล้องไมโครสโคป (Microscope) นี้ พร้อมสนับสนุนให้กับ ส.ป.ป.ลาว และกัมพูชา ใช้ชุดตรวจไส้เดือนฝอยภาคสนามโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิคนี้ด้วย  เกษตรกรท่านใดสนใจ “เครื่องมือชุดตรวจสอบไส้เดือนฝอยภาคสนาม” เทคนิคการป้องกันกำจัดไส้เดือนฝอยในฟาร์มผลิตพรรณไม้น้ำ สอบถามได้ที่ ดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด

Cr.คมชัดลึก

ห้าม ผู้อพยพจาก คิวบา พำนักถาวรในสหรัฐฯ หลังอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 1 ปี กฎหมายทิ้งทวน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา

บารัค โอบามา


ห้าม ผู้อพยพจาก คิวบา พำนักถาวรในสหรัฐฯ หลังอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 1 ปี กฎหมายทิ้งทวน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา



คำสั่งยกเลิกกฎหมาย Cuban Adjustment Act  ห้ามไม่ให้ผู้อพยพจาก คิวบา พำนักถาวรในสหรัฐฯ ดังกล่าวนับเป็นการใช้อำนาจส่งท้ายของ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก่อนที่เขาจะอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้  โอบามาระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้นโยบายคนเข้าเมืองของสหรัฐฯของพลเมืองคิวบาที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย มีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น      
     
กฎหมาย Cuban Adjustment Act ดังกล่าวซึ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อปี 1966 เปิดทางให้พลเมืองคิวบาสามารถขอเป็นผู้พำนักถาวรในสหรัฐฯ ได้ หลังจากอาศัยอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 1 ปี โดยไม่กำหนดโควตาผู้อพยพที่จะรับในแต่ละปี ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยกเลิกกฎเกณฑ์พิเศษซึ่งเคยเปิดทางให้ผู้อพยพผิดกฎหมายจากคิวบาสามารถขอเป็นผู้พำนักถาวรในสหรัฐฯ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยให้มีผลบังคับในทันที    
     
พลเมืองคิวบาที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และไม่มีคุณสมบัติเข้าข่ายที่จะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จะต้องถูกเนรเทศตามที่กฎหมายสหรัฐฯ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาระบุ โดยให้มีผลนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  การได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ทำให้ชาวคิวบาหลายล้านคนตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศ จนทำให้รัฐคอมมิวนิสต์แห่งแคริบเบียนต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ และภาวะ “สมองไหล” ซึ่งนโยบายนี้มีผลดีต่อประเทศคิวบา เป็นอย่างมาก

รัฐบาลคิวบาก็ได้ออกมาแถลงยกย่องที่สหรัฐฯ เลิกใช้นโยบาย wet foot/ dry foot ซึ่งจะเป็น ก้าวที่สำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคี อย่างไรก็ดี รัฐบาลคิวบายังเรียกร้องให้สภาคองเกรสสหรัฐฯ เพิกถอนกฎหมาย Cuban Adjustment ปี 1966 ซึ่งยังให้สถานะพิเศษแก่ผู้อพยพชาวคิวบาอยู่ โดยเห็นว่า ไม่สอดคล้องกับบริบทของความสัมพันธ์ในปัจจุบัน รัฐบาลคิวบายังพอใจที่ บารัค โอบามา ตัดสินใจยกเลิกโครงการ Cuban Medical Professional Parole (CMPP) Program ซึ่งอนุญาตให้บุคลากรทางแพทย์ของคิวบาเดินทางเข้าไปยังสหรัฐฯ    
     
อย่างไรก็ตาม นโยบายฟาสต์แทร็กที่ผ่านมาเปิดทางให้ผู้อพยพคิวบา ขอพำนักถาวรในสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก ในสหรัฐฯ เอง ชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาก็ได้กลายเป็นกำลังสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ปัจจุบันมีชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาอยู่ราวๆ 1.8 ล้านคน รวมถึง ส.ว.มาร์โก รูบิโอ และ ส.ว.เท็ด ครูซ ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันเมื่อปี 2016 ด้วย กฎเกณฑ์เดิมนั้นอาจจะมีความยุติธรรมกับเด็กและครอบครัวผู้อพยพผิดกฎหมายจากคิวบา ซึ่งหนีความรุนแรงมาพึ่งสหรัฐฯ แต่กลับต้องถูกเนรเทศ

รัฐบาลคิวบาออกมายืนยันว่าจะรับรองสิทธิพลเมืองในการเดินทาง โยกย้ายถิ่นฐาน และเดินทางกลับประเทศ  ของผู้อพยพผิดกฎหมายจากคิวบาเข้าประเทศอื่นเข้าข่ายที่จะได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายคนเข้าเมือง และจะทยอยนำมาตรการใหม่ๆ มาบังคับใช้เพื่อปรับปรุงนโยบายคนเข้าเมืองในปัจจุบัน จากนโยบายของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ล่าสุด

Cr.ผู้จัดการ

Tuesday, January 10, 2017

พบสารสกัด ยับยั้งมะเร็ง สกัดจากดักแด้ไหม จาก นักวิจัยไทย สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


พบสารสกัด ยับยั้งมะเร็ง สกัดจากดักแด้ไหม จาก นักวิจัยไทย สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน 


มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากอันดับหนึ่งในผู้หญิง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในลำดับต้นๆ ดร.สุทธิดา ชูเกียรติศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ดร.กาญจนา ธรรมนู นักวิจัยจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จึงได้ร่วมมือกันใช้แสงซินโครตรอนในเทคนิค กล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือกล้องจุลทรรศน์อินฟราเรด ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางชีวโมเลกุลในเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MCF7 (Human Breast Adenocarcinoma cell line) ที่ถูกยับยั้งการเจริญเติบโตด้วยโปรตีนสกัดจากดักแด้ ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านนางลาย และดักแด้ไหมอีรี่

ทั้งนี้ โดย ดร.สุทธิดา ชูเกียรติศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ดร.กาญจนา ธรรมนู นักวิจัยจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จึงได้ร่วมมือกันใช้แสงซินโครตรอน ในเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อินฟราเรด ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางชีวโมเลกุลในเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MCF7 (Human Breast Adenocarcinoma cell line) ที่ถูกยับยั้งการเจริญเติบโตด้วยโปรตีนสกัดจากดักแด้ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านนางลาย (Mulberry silkworm, Bombyx mori) และดักแด้ไหมอีรี่ (Non-mulberry silkworm; Eri silkworm,Samia ricini) พบว่าโปรตีนสกัดดังกล่าวมีผลทำให้เซลล์มะเร็งเต้านมตายเป็นผลสำเร็จ

หลังจากดูผลจาก กล้องไมโครสโคป (Microscope) นักวิจัยไทยใช้แสงซินโครตรอนศึกษาโปรตีนสกัดจากดักแด้ไหมอีรี่และไหมไทยนางลาย พบว่าโปรตีนสกัดดังกล่าวมีผลทำให้เซลล์มะเร็งเต้านมตาย อย่างไรก็ดี งานวิจัยนี้ยังอยู่ระหว่างการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งการค้นพบดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำคัญที่จะนำไปสู่การวิจัยในขั้นตอนต่อไปในการหาความเป็นไป ได้จากการนำโปรตีนสกัดจากดักแด้ไหมทั้ง 2 สายพันธุ์มาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านมในอนาคต หากหน่วยงานใดสนใจร่วมพัฒนาต่อยอดงานวิจัยนี้ สามารถติดต่อสอบถามนักวิจัยได้โดยตรง

Cr.Eureka

Monday, January 9, 2017

เปิดตัว Nokia 6 สมาร์ทโฟน ครั้งแรกในประเทศจีน ตัวเครื่อง Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล

Nokia 6


เปิดตัว Nokia 6  สมาร์ทโฟน ครั้งแรกในประเทศจีน ตัวเครื่อง Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล


เรียกได้ว่าสเปคที่ไม่ถือว่าแรงมาก และไม่ได้ด้อยมาก แต่หน้าจอก็ถือว่าสวยงามดีใช้ได้ ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ให้หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ในราคา เพียง 1,699 หยวน หรือประมาณ 8,800 บาท พร้อมขายในจีนต้นปี 2017 นี้ ตามที่ได้กล่าวไปก่อหน้านี้ Nokia 6 ใช้วัสดุของตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมเกรด 6,000 และมีการใช้แนวออกแบบ Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ความละเอียด Full HD ถือว่าใหญ่พอสมควร และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat รายละเอียดของเครื่องนั้นใช้ CPU Qualcomm Snapdragon 430 Octa Core พร้อมกับ RAM 4GB, ความจำในตัว 64GB กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับเทคโนโลยี PDAF และถ่ายวีดีโอได้ความละเอียด 1080P เท่านั้น  ส่วนรายละเอียดว่าจะมีการนำเข้ามาขายในประเทศไทยหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่คราวนี้จะกลับมาทำตลาดเต็มตัว ไม่ต้องรอคอยนานเลย ชิงเปิดตัว Nokia 6 อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมือถือในระดับกลาง สำหรับ Nokia 6  ใช้วัสดุของตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมเกรด 6,000 และมีการใช้แนวออกแบบ Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ภายใต้การร่วมงานกันอย่างเป็นระบบ และมีการวางแผนทุกขั้นตอนด้วยผู้รับผิดชอบที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน หลังจากไม่กี่เดือนก่อนได้ประกาศว่าจะเผยโฉมรุ่นแรกของแบรนด์ Nokia ในงาน Mobile World Congress 2017 ทว่าล่าสุดทั้งคู่ก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอนาน  ดังนั้นเราลองมาวิเคราะห์กันหน่อยแม้จะไม่ใช่รุ่นท็อป แต่กับราคาประมาณ 8,800 บาท ($245) เท่านี้ คุ้มค่าหรือไม่ กับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ? สรุปฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจของรุ่นดังกล่าว

การที่ Nokia รีบเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของแบรนด์ ก่อนงานมหกรรมสมาร์ทโฟน  Mobile World Congress 2017 ครั้งใหญ่ ก็เพื่อต้องการช่วงชิงกระแสพื้นที่ทางการตลาด เสมือนเป็นการบ่งบอกให้ได้รู้ หรือคอนเฟิร์มเข้าไปอีกว่ามาแล้วนะ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่เหล่าสาวกเฝ้ารอคอยจะเห็น ดังนั้นจึงส่งผลให้สำนักข่าวทั้งหลายต่างเฝ้ามารอคอยทำข่าวในวันงานมากขึ้นไปอีก เพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ?  แน่นอนว่าภายในงานดังกล่าวอาจมีรุ่นท็อป รุ่นกลาง รุ่นประหยัดงบ มาเปิดตัว เพราะฉะนั้นยิ่งมีสื่อมาให้ความสนใจเท่าใด ก็ทำให้การตลาดดำเนินการไปได้ด้วยตัวของมันเอง โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก

ตามข่าวบอกว่าจะมากสุดถึง 7 รุ่นในปีนี้เลย จากที่ดูสเปก Nokia 6 ใช้วัสดุของตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมเกรด 6,000 และมีการใช้แนวออกแบบ Unibody ชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ให้หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ถือว่าใหญ่พอสมควร กล้องหน้ากล้องหลัง หรือแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 รวมถึงมีฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ระบบเสียงลำโพงคู่ผนวกด้วยชิปเสียงควมคุมคู่ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เป็นต้น ก็ถือว่าน่าสนใจเมื่อมีราคาเปิดตัว เพียง 1,699 หยวน ประมาณ 8,800 บาท ($245) ราคาวางจำหน่ายเท่านี้ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนแต่ก็น่าเสียดายตรงชิปเซ็ตประมวลผล น่าจะใช้ซีรีย์ 6xx มากกว่า แต่ Nokia 6 เป็นเพียงก้าวแรกในการเดินทางของเรา จะมีมาอีกในปีคริสต์ศักราช 2017 จากคำกล่าวเปิดตัว ซึ่งใจความว่า " The Nokia 6 marks the first step on our journey, with more to come in 2017.”

Cr.สยามโฟน,สนุก นิวส์

ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย เล็กที่สุดในโลก ลงบนเส้นผม ขนาดเล็กกว่าเส้นผม 10 เท่า ดูผ่าน กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน นวัตกรรม ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย เล็กที่สุดในโลก ลงบนเส้นผม ขนาดเล็กกว่าเส้นผม 10 เท่า ดูผ่าน กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน นวัตกรรม ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 


มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หรือ มทส. โชว์นวัตกรรม สลักตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเล็กที่สุดในโลก ลงบนเส้นผม สำหรับตราสัญลักษณ์ของ มทส. เล็กที่สุดในโลก บนเส้นผม นี้มีขนาดเส้นเล็ก 7X10 ตารางไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าความกว้างของเส้นผมราว 10 เท่า โดยตราสัญลักษณ์มีรายละเอียดชัดเจน เป็นภาพท้าวสุรนารี หรือย่าโม ยืนอยู่ตรงกลาง มีเส้นโค้งงอนหงายขนาบ 2 ข้าง ข้างละ 4 เส้น และมีภาพใบไม้บนเฟืองจักรรองรับฐานของภาพท้าวสุรนารี ซึ่งต้องใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) แบบส่องกราดประสิทธิภาพสูง ( Field Emission Scanning Electron Microscope) ในการส่องจึงจะสามารถมองเห็นได้

การสลักตราสัญลักษณ์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เล็กที่สุดในโลก บนเส้นผม ขนาดเล็กกว่าเส้นผม 10 เท่า มีรูป "ย่าโม" ยืนถือดาบอย่างชัดเจน โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Focused lon Beam หรือ FIB ซึ่งเป็นเครื่องมือที่โฟกัสลำไอออน สร้างลวดลายลงบนเส้นผม หรือชิ้นงานอื่นๆ โดยมีความละเอียดในการวาดภาพในระดับนาโนเมตร ซึ่งทำให้มือชนิดนี้เป็นที่แพร่หลาย ในการเรียนการสอนการวิจัยทางด้านนาโนเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งต้องใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน หรือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) แบบส่องกราดประสิทธิภาพสูง จึงจะสามารถมองเห็นได้

ในรอบปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ภายใต้โครงการ DPL ทำให้สามารถจัดหาเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาชีพ โดยส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มครุภัณฑ์กล้องจุลทรรศน์ประสิทธิภาพสูงชนิดอื่นๆ อีก อาทิ Transmission Electron Microscope (TEM) หรือ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน มีกำลังขยายได้สูงถึง 2,500,000 เท่า ซึ่งสามารถมองเห็นการจัดเรียงตัวของอะตอมในโครงผลึกชนิดต่างๆ ได้ Laser Scanning Confocal Microscope (LSCM) หรือ กล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอล ซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในการสแกนสร้างภาพ และมีกำลังแยกแยะมากกว่ากล้องไมโครสโคป (Microscope)  ที่ใช้แสงทั่วไป

โดยกล้องจุลทรรศน์แบบคอนโฟคอล ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีนำมาใช้ สามารถสร้างภาพสามมิติของเซลล์ หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้ Atomic Force Microscope (AFM) หรือ กล้องจุลทรรศน์แรงอะตอม สามารถถ่ายภาพบนพื้นผิวที่มีขนาดเล็ก โดยสามารถมีกำลังแยกในระดับอะตอมได้ นอกจากนี้ เครื่องมือ กล้องไมโครสโคป (Microscope) ชนิดนี้ยังมีความสามารถสร้างลวดลายลงบนพื้นผิวเรียบบนชิ้นงานด้วยความละเอียดในระดับนาโนเมตรได้ สำหรับเครื่องมือเหล่านี้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการค้นคว้าวิจัยโครงสร้างสิ่งที่เล็กระดับนาโนเมตร เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของคนเราได้

หากต้องการทราบว่าเชื้อโรคบางตัว มีโครงสร้างเช่นใด จากกล้องไมโครสโคป (Microscope) เมื่อทราบแล้ว ก็จะนำข้อมูลที่ได้ไปค้นหาสิ่งที่สามารถฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ที่ห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ของ มทส. ซึ่งห้องปฏิบัติการนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อรวมทรัพยากรในการสนับสนุนการศึกษาและวิจัย โดยเฉพาะเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าไว้ด้วยกัน ให้ได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา มทส. ยังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมวิชาการจุลทรรศน์แห่งประเทศไทย โดยจะมีนักวิชาการด้านจุลทรรศน์จากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมเสนอผลงานกว่า 150 คน

Cr.ไทยรัฐ

Sunday, January 8, 2017

น้ำท่วมภาคใต้ อย่างต่อเนื่องถึง 10 ม.ค และ มี 8 จังหวัดภาคใต้ ยังวิกฤติ มียอดผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหายอีก 1 ราย ระวังอันตรายจากดินโคลนถล่ม

น้ำท่วมภาคใต้


น้ำท่วมภาคใต้ อย่างต่อเนื่องถึง 10 ม.ค และ มี 8 จังหวัดภาคใต้ ยังวิกฤติ มียอดผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหายอีก 1 ราย ระวังอันตรายจากดินโคลนถล่ม


ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและ น้ำท่วมภาคใต้ ฉับพลันใน 10 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และระนอง รวม 91 อำเภอ 569 ตำบล 4,205 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 330,318 ครัวเรือน 958,602 คน ผู้เสียชีวิต 19 ราย สูญหาย 1 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 5 แห่ง ถนน 218 จุด คอสะพาน 59 แห่ง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ ยะลา และระนอง ยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด รวม 85 อำเภอ 523 ตำบล 4,020 หมู่บ้าน  และขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

โดยในภาพรวมสถานการณ์ น้ำท่วมภาคใต้ ในปัจจุบันยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำลดลง ยกเว้นจังหวัดนครศรีธรรมราช และชุมพร ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และนราธิวาส ระดับน้ำทรงตัว ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการสัญจรแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัยและทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนต่อไป

อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมภาคใต้  จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่างและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยจากการติดตามคาดการณ์ปริมาณฝน พบว่า หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง แต่ปริมาณฝนลดลงเหลือไม่เกิน 100 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ฝั่งตะวันตก เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนืออย่างช้าๆ ทำให้พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีฝนตกเพิ่มขึ้นจนถึงวันที่ 10 ม.ค.

จากการเผ้าติดตามสถานการณ์ น้ำท่วมภาคใต้  พบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ดินอิ่มตัวและชุ่มน้ำ จึงได้ประสานแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขาใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (อ.พิปูน อ.ลานสกา อ.ร่อนพิบูลย์), สุราษฎร์ธานี (อ.พนม อ.คีรีรัฐนิคม อ.เกาะสมุย อ.เกาะพะงัน) และชุมพร (อ.ฉวี อ.หลังสวน) ให้ระมัดระวังอันตรายจากดินโคลนถล่มในระยะนี้ รวมถึงประสานให้ 3 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์ ตรวจวัดปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญ พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้  น้ำท่วมภาคใต้ โรงพยาบาลทุกแห่งที่ถูกน้ำท่วมเปิดให้บริการตามปกติแล้ว และทีมปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินจากจังหวัดพังงา กระบี่ ภูเก็ต ระนอง ได้เข้ามาสนับสนุนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินขั้นต้น ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตก่อนส่งรักษาต่อ นอกจากนี้ ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการ ณ จุดต่างๆ และศูนย์อพยพ รวม 64 ทีม มีผู้มารับบริการและให้ความรู้ด้านสุขศึกษาสู้วิกฤติภัยน้ำท่วม ประมาณ 10,000 คน พร้อมจัดทีมหมอครอบครัวดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ติดอยู่ในบ้านน้ำท่วม ไม่สามารถมาพบแพทย์ได้ตามนัด หรือรับยาสามารถให้ขอความช่วยเหลือได้จากเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร สาธารณสุข หรือโทรศัพท์สายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุด  น้ำท่วมภาคใต้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศฉบับที่ 43 เรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณด้านตะวันตกของจังหวัดกระบี่ กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนืออย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านจังหวัดภูเก็ตและพังงาในคืนวันที่ 8 ม.ค. แล้วจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวมะตะบัน ประเทศเมียนมา ในวันที่ 9-10 ม.ค. ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง และยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชและพัทลุง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและปริมาณฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 10 ม.ค.

Cr.ไทยโพสต์

Friday, January 6, 2017

นวัตกรรมล่าสุด การผ่าตัดสมอง ด้วยการใช้เลเซอร์ ที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เสียเนื้อสมองน้อยลง

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


นวัตกรรมล่าสุด การผ่าตัดสมอง  ด้วยการใช้เลเซอร์ ที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เสียเนื้อสมองน้อยลง


สมองมีความสำคัญมากสำหรับร่างการของเรา การที่สมองทำงานบกพร่อง การใช้ชีวิตประจำวันบางส่วนก็จะเริ่มผิดปกติ รวมถึงมีโรคภัยต่างๆตามมา การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง ควบคุมความเครียด จึงถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสมองให้ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันแนวทางการรักษาเนื้องอกในสมองมีอยู่ 3 วิธีใหญ่ๆ คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ การฉายรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกแนวทางการรักษาโดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น อาการของผู้ป่วย ตำแหน่งของเนื้องอก และขนาดของเนื้องอก

หากผู้ป่วยมีเนื้องอกที่มีลักษณะไม่ใช่เนื้อร้าย หรือมะเร็ง เนื้องอกที่ไม่ได้เกิดอาการและมีขนาดเล็กมาก อยู่ในตำแหน่งของสมองที่ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียการทำงานของร่างกาย คุณหมอก็อาจเพียงแค่ติดตามอาการ เพื่อดูว่ามีการขยายตัวของเนื้องอกเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจึงค่อยทำการรักษา แต่ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่และทำให้เกิดอาการบางอย่าง เช่น อ่อนแรงหรือปวดศีรษะมาก ก็จำเป็นต้องทำการผ่าตัดโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ หรือ การใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope)เพื่อเอาก้อนเนื้องอกออกไป ในกรณีที่ผ่าตัดเนื้องอกออกไปแล้ว หากพบว่าเป็นเนื้อร้ายก็อาจต้องทำการฉายรังสีหรือให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วย

ดูไปแล้วก็เหมือนการรักษาโดยทั่วไป ที่มีขั้นตอนการรักษาตามวิถีทางการแพทย์ อย่างการผ่าตัดโดย การใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) บวกกับสารเรืองแสง ช่วยให้เห็นส่วนที่เป็นเนื้องอกดีขึ้น เท่านั้น แต่การผ่าตัดเนื้องอกในสมองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ เพราะเนื้อสมองเมื่อถูกตัดออกไปแล้ว ไม่สามารถงอกออกมาผสานส่วนที่ถูกตัดออกไปได้ ซึ่งแน่นอนว่า ความสามารถในการใช้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอาจต้องสูญเสีย หรือถูกลดทอนลง และทุกพื้นที่ในสมองก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ในบางตำแหน่งก็อาจจะตัดออกได้มาก และในบางตำแหน่งอาจตัดได้น้อยเพราะเป็นส่วนที่สำคัญมาก ซึ่งบางครั้งเนื้องอกจะแทรกไปตามส่วนสำคัญของสมองทั้งหมดในการผ่าตัด บางครั้งก็ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนระหว่างเนื้องอกกับเนื้อของสมองเอง

เท่าที่ผ่านมามีเทคนิคหลายอย่างเพื่อช่วยในการผ่าตัด เช่น การใช้สารเรืองแสงบางชนิด ซึ่งสารนี้จะทำให้เนื้องอกในกลุ่มที่เป็นเนื้องอกร้ายแรงมีลักษณะเรืองแสงขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด นอกจากนั้น ยังมีการผ่าตัดโดยการใช้ Computer based เป็นตัวไกด์ตำแหน่งของเนื้องอก รวมถึงขอบเขตของเนื้องอก ใช้คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ในการจำลองเนื้องอกและแนวทางของเส้นประสาทของสมอง และยังมีการอัลตราซาวนด์เพื่อดูขอบเขตของเนื้องอก แต่วิธีทั้งหมดนี้ก็ยังมีอุปสรรคในขั้นตอนของการผ่าตัดอยู่ เพราะเมื่อทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะขึ้นมา ภาพที่เราเห็นจากในคอมพิวเตอร์กับเนื้อสมองของจริงจะมีความแตกต่างกัน สมองอาจจะเลื่อนตำแหน่งจากเดิม เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก และการใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) บวกกับสารเรืองแสง แม้จะช่วยให้เห็นส่วนที่เป็นเนื้องอกดีขึ้น แต่ก็ทำได้เฉพาะในกลุ่มที่เป็นเนื้องอกร้ายแรงเท่านั้น

นวัตกรรมล่าสุดในปัจจุบันมีการคิดค้นเครื่องมือที่เรียกว่า ไทม์ รีซอลว์ เลเซอร์ (Time Resolved Laser Device) เป็นการใช้เลเซอร์ที่ไม่มีอันตรายต่อคนเรายิงเข้าไปที่เนื้องอกในสมอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะมีพลังงานเข้าไปในตัวเนื้อเยื่อที่กระทบถูกเลเซอร์ พลังงานที่เข้าไปนี้ในที่สุดก็จะสะท้อนกลับออกมา ช่วยให้แพทย์สามารถทราบได้ถึงลักษณะของเนื้อเยื่อที่สะท้อนพลังงานออกมา และแยกได้ว่าเป็นเนื้อเยื่อประเภทใด ขนาดเท่าไหร่ การใช้ไทม์ เลเซอร์ รีซอลว์จะทำให้สามารถตัดเนื้องอกได้มากเพิ่มขึ้น กำหนดขอบเขตได้ดีขึ้น เสียเนื้อสมองน้อยลง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อพัฒนาให้สมบูรณ์แบบ

เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยเราได้มีโอกาสอัพเดตความก้าวหน้าทางการแพทย์ในการผ่าตัดเนื้องอกสมองและมะเร็งสมองจากศัลยแพทย์สมองชื่อดังของโลก ศ.นพ.คีธ แอล. แบล็ค (Keith L. Black) ผู้อำนวยการสถาบันศัลยกรรมระบบประสาทแมกซีน ดันนิทซ์ แห่งซีดาร์-ไซไนน์ เมดิคัล เซ็นเตอร์, ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ว่า เป็น 1 ใน 20 บุคคลที่ทรงคุณค่าในศตวรรษที่ 21 และยังเคยขึ้นหน้าปกและลงตีพิมพ์เป็นบทความในนิตยสารไทม์ พ.ศ.2540 ในฐานะหนึ่งในวีรบุรุษทางการแพทย์ (Heroes of Medicine) เขามีผลงานบทความด้านวิทยาศาสตร์กว่า 260 เรื่อง ซึ่งมีคนในวงการเดียวกันคอยติดตามศึกษามาโดยตลอด ผลงานของเขายังถูกนำไปเป็นหัวข้อพูดคุยในสื่อระดับโลกต่างๆอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก

คุณหมอแบล็คกล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีในการผ่าตัดสมองได้ก้าวไปไกลมาก จากเดิมการใช้ กล้องไมโครสโคป (Microscope) บวกกับสารเรืองแสง เป็นใช้เลเซอร์ ทำให้การผ่าตัดสมองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ล่าสุดได้มีการวิจัยร่วมกับ BDMS ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผ่าตัดสมองโดยสูญเสียพื้นที่สมองส่วนดีน้อยที่สุด ซึ่งนี่เป็นเพียงก้าวแรกของการยกระดับความก้าวหน้าทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมสมอง ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยด้วยโรคเนื้องอกหรือมะเร็งสมองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ง่ายและได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ เพราะสมองมีความแตกต่างจากอวัยวะส่วนอื่น ซึ่งเมื่อสูญเสียไปแล้วไม่สามารถสร้างเซลล์เพิ่มขึ้นมาได้อีก แม้ในปัจจุบันการผ่าตัดเนื้องอกในสมองจะมีวิวัฒนาการใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนมากมาย แต่เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจว่า จะต้องผ่าตัดในสมองออกไปกว้างเท่าใดจึงจะปลอดภัยต่อการลุกลามของโรค และรักษาพื้นที่สมองส่วนที่ดีเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพของการทำงานเชื่อมต่อกับอวัยวะอื่นๆของร่างกายในภายหลังนั้น คือความยากในการผ่าตัด ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์และการวิจัยอย่างรอบคอบในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยในเวลาที่จำกัด แต่ด้วยความร่วมมือกับ BDMS ในครั้งนี้จะทำให้ผู้ป่วยอีกมากมายในซีกโลกตะวันออก ที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกสมอง จะมีทางเลือกในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเปี่ยมประสิทธิภาพที่มีอยู่ในขณะนี้”

สมอง ทำหน้าที่หลักในการควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว จดจำพฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิจำนวนเซลล์สมองที่มีมากถึง 1-1.2 หมื่นล้านเซลล์ อัดแน่นอยู่ภายในสมองเล็กๆของเรา โดยแต่ละเซลล์สมองมีเส้นใยในการเชื่อมต่อคลื่นกระแสไฟฟ้าเคมีถึงกัน ในอนาคตยังจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับสมองถูกคิดค้นขึ้นมาอีกมากมาย โดยเฉพาะโรคที่กำลังเพิ่มสถิติมากขึ้นในแต่ละปีอย่างอัลไซเมอร์ ถ้าเมืองไทยเราได้เป็นศูนย์กลางการรักษาโรคเกี่ยวกับสมองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการเยียวยาโดยไม่ต้องเดินทางไปรักษายังประเทศที่ห่างไกล แต่ทั้งนี้ การรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ

Cr.ข่าวไทยรัฐ

สิงโตน้ำเงินคราม "เชลซี" พ่าย "ไก่เดือยทอง" ศึกพรีเมียร์ลีก จอห์น โอบี มิเกล กองกลาง "เชลซี" อำลา สู่อ้อมกอด แดนมังกร เทียนจิน เทด้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เชลซี


สิงโตน้ำเงินคราม "เชลซี" พ่าย "ไก่เดือยทอง" ศึกพรีเมียร์ลีก จอห์น โอบี มิเกล กองกลาง "เชลซี" อำลา สู่อ้อมกอด แดนมังกร เทียนจิน เทด้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ 4 มกราคมนี้ เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี "ลอนดอนดาร์บีแมทช์" ระหว่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมจ่าฝูงที่มี 49 แต้มจาก 19 นัด จะเปิดไวท์ ฮาร์ท เลน ต้อนรับ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 แข่ง 19 นัด มี 39 แต้ม เวลา 03.00 น.เกมนี้ที่ผ่านมา สุดท้าย "ไก่เดือยทอง"  ชัยชนะเหนือเชลซี นักเตะทีมไก่เดือยทองหลายราย ระบายความรู้สึกสะใจในชัยชนะเหนือเชลซีเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยการอัพรูปลงโซเชียล เน็ตเวิร์ก เริ่มจาก แยน แฟร์ต็องเก้น อัพรูปและเขียนแคปชั่นว่า "What a night" (ค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้)  ขณะที่โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ลงภาพนักเตะไปฉลองชัยกับแฟนบอลที่สแตนด์ และเขียนแคปชั่นว่า "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" (No words need)

หลังจากทราบผลศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซีทีมจ่าฝูงที่มี 49 แต้มจาก 19 นัด กับ "ไก่เดือยทอง" แล้ว ได้ข่าวเคร่า ๆ ว่า จอห์น โอบี มิเกล กองกลางตัวรับชาวไนจีเรีย กลายเป็นแข้งรายล่าสุดที่ย้ายไปค้าแข้งในประเทศจีนหลังจากเซ็นสัญญากับทัพ เทียนจิน เทด้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อดีตกองกลางของเชลซีตัดสินใจยุติช่วงเวลา 10 ปีกับสโมสรหลังจากที่ในช่วงหลัง เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก ทำให้ตกเป็นข่าวมาตลอดว่าเตรียมจะเก็บข้าวของออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ล่าสุด เจ้าตัวก็ได้เข้าตรวจร่างกายกับสโมสรแดนมังกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะได้ค่าเหนื่อยราว 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

จอห์น โอบี มิเกล กองกลางตัวรับชาวไนจีเรีย มากประสบการณ์ของเชลซี เป็นนักเตะดังรายล่าสุดที่ย้ายมาโกยเงินหยวนในลีกแดนมังกร หลังตกลงย้ายมาเล่นกับ เทียนจิน เทด้า แบบไม่มีค่าตัว เพราะจะหมดสัญญาตอนจบซีซั่น แต่ฟันค่าเหนื่อยอู้ฟู่ ตกสัปดาห์ละกว่า 140,000 ปอนด์ (ราว 6.8 ล้านบาท) จอห์น โอบี มิเกล กองกลางตัวรับชาวไนจีเรียวัย 29 ปี เข้ารับการตรวจร่างกายกับ เทียนจิน ทีมเมืองท่า ที่ห่างจาก กรุงปักกิ่ง ราวๆ 130 กิโลเมตร อย่างผ่านฉลุย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม และจากวันนั้น ในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ก็ยืนยันข้อตกลงการย้ายทีม  

จอห์น โอบี มิเกล กองกลางตัวรับชาวไนจีเรีย รับใช้ เชลซี นานมากกว่า 10 ปี และได้รับรางวัลเป็นการย้ายทีมแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย และ มิเกล จะไปรับค่าจ้างเตะบอลแบบเนื้อๆ เน้นๆ สัปดาห์ละกว่า 140,000 ปอนด์ โดยเขาจะมาเล่นร่วมกับ เนมานย่า กูเดลจ์ ห้องเครื่องเซิร์บ ที่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ ออสการ์ แข้งแซมบ้า ที่ร่วมงานกันที่เชลซี ย้ายมาเล่นในจีนกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี

นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี(5 มกราคม 2560) ข่าวเชลซีชี้แจงกับคณะกรรมการทางวินัยเกี่ยวกับ วัฒนธรรมของสโมสร ที่มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้การคุมทีมของอันโตนิโอ้ คอนเต้ ก่อนเริ่ม โทษปรับ 1แสนยูโร สำหรับการก่อเหตุวุ่นวายในตอนท้ายแมทช์การแข่งขันที่เอาชนะ แมนซิตี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ที่เป็นผู้ชนะใน เอติฮัดสเตเดี้ยม ได้รับการลงโทษมากกว่าแมนซิตี ที่ถูกปรับเพียง35,000ยูโร แม้คณะกรรมการอิสระจะหาทางลงโทษให้เท่าเทียมกันก็ตาม ทั้งนี้เหตุผลที่แถลงผ่านทวิตเตอร์โดยสมาพันธ์ฟุตบอลสำหรับการลงโทษ

แสดงให้เห็นว่า ทั้ง2สโมสรยอมรับว่ามีการละเมิดกฎการควบคุมผู้เล่นและเจ้าหน้าที่จริงทั้งนี้ความผิด6ครั้งย้อนหลังไปถึงปี2011 และ5ครั้งนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2015ได้รับการพิจารณาก่อนการการลงโทษของเชลซีจะถูกยอมรับ ตัวแทนของเชลซี ออกมายอมรับว่าจะถูกลงโทษเพิ่มขึ้นจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งไม่สามารถโต้แย้งได้แน่นอนแต่วัฒนธรรมของสโมสรได้รับการเปลี่ยนแปลงภายใต้ผู้จัดการคนใหม่ของทีม แล้วซึ่งรวมเหตุการณ์ที่ถูกลงโทษนับครั้งล่าสุดนี้เป็นครั้งที่7 เชลซีจะถูกปรับทั้งหมด ราว495,000สหรัฐฯขณะที่แมนซิตี้ไม่มีมลทินมาก่อน ซึ่งการลงโทษจากคณะกรรมการครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเชลซีถูกลงโทษทางการเงินอย่างหนัก รายงาน ณ 5มกราคม 2560

Cr.ข่าวเนชั่น,FOURFOURTWO

Wednesday, January 4, 2017

คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2560 'เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง' กระทรวงศึกษาธิการร่วม จัดงานวันเด็กแห่งชาติ และ จัดพิมพ์หนังสือวันเด็ก “ต้นกล้าของพ่อ”

คำขวัญวันเด็ก


คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2560 'เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง' กระทรวงศึกษาธิการร่วม จัดงานวันเด็กแห่งชาติ และ จัดพิมพ์หนังสือวันเด็ก “ต้นกล้าของพ่อ”


คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2560 'เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง' พร้อมจัดพิมพ์หนังสือ “ต้นกล้าของพ่อ” ชูแนวคิด “ดินแดนแห่งความสุข ตามรอยศาสตร์ของพระราชา”  โดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่อง คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2560 ว่า ได้เน้นเรื่องการพัฒนาประเทศทั้งหมด ซึ่งตนเขียนขึ้นมาเอง เนื่องจากในวันเด็กตนก็พูดถึงเด็ก จะเห็นว่าตนพูดในเรื่องการพัฒนาประเทศทั้งสิ้น โดยคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2560 คือ "เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง" พร้อมแต่งเพลง 'สะพาน' เป็นการแต่งเพลงเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน และข้าราชการ เนื่องจาก ปี 2560 เป็นปีที่สำคัญต่อการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย รวมทั้งมีกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติและพิมพ์หนังสือวันเด็ก “ต้นกล้าของพ่อ”
     
ในวันนี้ ที่กระทรวงศึกษาธิการ จัดแถลงข่าวจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2560 ภายใต้แนวคิด “ดินแดนแห่งความสุข ตามรอยศาสตร์ของพระราชา”โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกเมื่อปี 2498 และจัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 2560 นับเป็นครั้งที่ 62 ภายใต้แนวคิด “ดินแดนแห่งความสุข ตามรอยศาสตร์ของพระราชา” ซึ่งปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กปีนี้ว่า “เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” สำหรับการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 14 ม.ค. 2560 ที่สนามเสือป่า ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. มีกิจกรรมมากมายให้เด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน ได้สัมผัสประสบการณ์อันจะสร้างความประทับใจจากความสุขที่ไม่รู้ลืมจากแผ่นดินของพ่อ
     
กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดพิมพ์หนังสือวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2560 นี้ ใช้ชื่อว่า “ต้นกล้าของพ่อ” มีเนื้อหาสำคัญ ได้แก่ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความผูกพัน การเล่าประสบการณ์ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สำนึกรักบ้านเกิด ผู้สูงอายุ การประหยัด การมีคุณธรรม ครอบครัว ความเป็นไทย ความซื่อสัตย์ การทำตัวให้มีคุณค่า ความกตัญญู และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยจัดพิมพ์จำนวน 300,000 เล่ม จำหน่ายราคาเล่มละ 15 บาท

ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัด ศธ. กล่าวเสริมว่า กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ปี 2560 ประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก โดยกิจกรรมแรก คือ การนำเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 779คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโล่รางวัลและรับโอวาทจาก นายกรัฐมนตรี ในวันที่11 ม.ค. 2560 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ส่วนกิจกรรมที่ 2 การฉลองวันเด็กแห่งชาติ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 ระหว่างเวลา 08.00 - 16.30 น. ที่สนามเสือป่า กรุงเทพฯ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน เวลา 08.30 น. ได้มอบ คำขวัญวันเด็ก ปีนี้ว่า “เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง”
     
เด็ก เยาวชน ที่เข้าร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ปี 2560 ที่สนามเสือป่าจะได้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่านปฏิบัติ ซึ่งกิจกรรมที่นำมาจัดนั้นล้วนน้อมนำแนวพระราชดำริและคำสอนของพ่อหลวงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต ซึ่งกิจกรรมต่างๆ จะพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา ชูแนวคิด “ดินแดนแห่งความสุข ตามรอยศาสตร์ของพระราชา”  ทั้งนี้ ภายในงานมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันเปิดบูธกว่า20 บูธ แบ่งเป็น 6 สถานี ได้แก่ สถานีที่ 1 เวทีกลาง (Main Stage)
     
ส่วน สถานีที่ 2สถานีพระอัจฉริยภาพ (King Bhumibol Adulyadej’s Talents) เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชน ได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 อาทิ พระอัจฉริยภาพด้านกีฬา พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี พระอัจฉริยภาพด้านงานศิลปะวาดภาพ / ถ่ายภาพ พระอัจฉริยภาพด้านภาษา และ พระอัจฉริยภาพด้านวรรณกรรม สถานีที่ 3สถานีพอเพียง (Philosophy of Sufficiency Economy) เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้เข้าใจรูปแบบและความหมายของความพอเพียง ที่แสดงถึง ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชน จัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ อาทินิทรรศการแปลงนาเกษตรทฤษฎีใหม่กิจกรรมจัดทำสมุดบันทึกทำมือจากกระดาษรีไซเคิลการเพาะชำต้นหญ้าแฝก และกิจกรรมงานฝีมือ
     
จากนั้น สถานีที่ 4 สถานีนวัตกรรม (Innovation) เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชน ได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ 9ในการเป็นนักประดิษฐ์ คิดค้น และประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ มากมาย อาทิ เรือใบ กังหันน้ำชัยพัฒนา ฯลฯ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ผ่านสถานีกิจกรรมย่อยต่างๆ อาทิ กิจกรรมเยาวชนนักประดิษฐ์ ผ่านอุปกรณ์เครื่องต่อกีโก้ กิจกรรมห้องทดลอง (ทดลองทำน้ำมันไบโอดีเซล) และ กิจกรรมการเล่นเกมตอบปัญหา เป็นต้น
     
ตามมาด้วย สถานีที่ 5 สถานีธรรมมะจากพระราชา (King Bhumibol Adulyadej’s Dhamma) เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ในเรื่องของธรรมะของพระราชา และจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ผ่านสถานีกิจกรรมย่อยต่างๆ อาทิ การฝึกจิตโดย พระอาจารย์ ธัมมทีโป ภิกขุ กิจกรรมฝึกสมาธิจากงานฝีมือกิจกรรมรับฟังธรรมจากพระราชา จากพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก สหรัฐอเมริกากิจกรรมเล่นเกมตอบปัญหา
     
และสุดท้าย สถานีที่ 6 สถานีอิงลิช ฟอร์ ฟัน (English for Fun) เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชน เพิ่มพูนความรู้จากการศึกษาเล่าเรียน ทั้งจากในตำราและในโรงเรียน หรือการเรียนรู้การใช้ชีวิต และความจำเป็นของภาษาอังกฤษ ในปัจจุบัน สอดคล้อง คำขวัญวันเด็ก ปีนี้ว่า “เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง”  โดยการจัดทำบอร์ดนิทรรศการให้ความรู้ “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” พร้อมจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ผ่านสถานีกิจกรรมย่อยต่างๆ อาทิเกม Crossword ภาษาอังกฤษกิจกรรมตอบปัญหาและเล่นเกมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษกิจกรรมสนทนากับเจ้าของภาษาโดยครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดัง แอนดรูว์ บิ๊ก พร้อมกิจกรรมเวทีตำรวจกิจกรรมจากลูกเสือ เป็นต้น
     
ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าวต่อว่า ภายในงานมีไฮไลท์ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีแจกของขวัญให้เด็กๆ เช่น ตุ๊กตา ของเล่น สมุดหนังสือ ขนม เป็นต้น การเขียนไปรษณียบัตร “คำสัญญา...ทำดีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9” โดยเด็ก เยาวชน เขียนชื่อ-ที่อยู่ ของตัวเอง เพื่อส่งกลับไปให้ตัวเอง ส่วนเวทีกลาง จะมีกิจกรรม อย่างการสัมภาษณ์พูดคุยกับศิลปินดาราการเล่นเกมตอบคำถามการแสดงต่างๆ เช่น ร้องเพลง “พระราชาในนิทาน”การมอบของขวัญของรางวัลพร้อมทั้งการฉายภาพยนตร์ แอนิเมชั่นเรื่องพระมหาชนก เป็นต้น
     
ด้าน พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต กล่าวว่า วันเด็กแห่ชาติ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ 300 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณจัดงาน รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาร่วมงาน อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือกับพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลเด็ก เยาวชนอย่างใกล้ชิด และจัดทำบัตร เขียนชื่อผู้ปกครอง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงของเด็ก เพื่อสะดวกในการติดต่อกรณีเด็กผลัดหลง ถ้าหากมีเหตุด่วนเหตุร้าย ติดต่อสถานีตำรวจนครบาลดุสิต โทร.02-241-5043-4

Cr.ผู้จัดการ

แผ่นดิกส์ 5 มิติ จุข้อมูลได้ 360TB อยู่ได้นาน 13.8 พันล้านปี บันทึกและอ่านข้อมูลด้วยแสง ผ่าน กล้องจุลทรรศน์

กล้องไมโครสโคป (Microscope)


แผ่นดิกส์ 5 มิติ จุข้อมูลได้ 360TB อยู่ได้นาน 13.8 พันล้านปี บันทึกและอ่านข้อมูลด้วยแสง ผ่าน กล้องจุลทรรศน์


ล่าสุดทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน (Optoelectronics Research Centre หรือ ORC) ได้ออกมาเปิดเผยถึงอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้กระบวนการดิจิทัล 5 มิติในการกักเก็บข้อมูล ลงบนดิสก์ขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท การเขียนบันทึกข้อมูลด้วยแสงและอ่านข้อมูลด้วยแสงผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) ซึ่งคุณสมบัติที่ได้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ สำหรับแผ่นดิกส์เก็บข้อมูล มาพร้อมกับคุณสมบัติเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 360TB และใช้งานได้แม้จะอุณหภูมิสูงถึง 1000 องศาเซลเซียส อีกทั้งในส่วนของอายุการใช้งานอาจเรียกได้ว่าชั่วนิรันดร์ กับ 13.8 พันล้านปี ณ อุณหภูมิห้อง 190 องศา

โดยกระบวนการเก็บข้อมูลบนแผ่นดิกส์แบบ 5 มิติ มีหลักการดังต่อไปนี้จะมีการยิงคลื่นแสงเลเซอร์ระยะสั้นด้วยความเข้มข้นสูง ที่ระดับความเร็วสูงสุด (ultrafast laser) ลงบนแผ่นดิกส์ โดยไฟล์จะถูกเขียนลงบน 3 จุดเลเยอร์ในระดับนาโนเทคโนโลยีห่างกันจุดละ 5 ไมโครเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาข้อมูล ส่วนวิธีการอ่านข้อมูล ทีมวิจัยได้ระบุว่าใช้หลักการเดียวกับการบันทึก เพียงแต่คราวนี้จะนำแสงมารวมตัวกันด้วย กล้องไมโครสโคป (Microscope) เป็นกล้องจุลทรรศน์ คล้ายการสะท้อนของแสง เพื่ออ่านข้อมูล สามารถจุข้อมูลได้ 360TB คงอยู่ได้นาน 13.8 พันล้านปีเลยที่เดียว

อย่างไรก็ดีก็เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ทีมนักวิจัยถึงได้พยายามคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวให้เป็นจริง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแท่งแก้วคริสตัลกักเก็บความทรงจำที่เราเคยเห็นกันในภาพยนตร์ Superman นั่นเองซึ่งใช้หลักการเดียวกันคือ การเขียนบันทึกข้อมูลด้วยแสงและอ่านข้อมูลด้วยแสงผ่าน กล้องไมโครสโคป (Microscope) จากการสะท้อนของแสง ทั้งนี้แผ่นดิกส์เก็บข้อมูลแบบ 5 มิติได้เริ่มทดสอบการเก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว อาทิเช่น เอกสารปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) รวมถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ (Magna Carta) และพระคัมภีร์ฉบับ King James เสมือนเป็นการปกป้องข้อมูลสำคัญของมนุษยชาติเลยทีเดียว

คงต้องบอกว่าเทคโนโลยี five-dimensional data storage หรือแผ่นดิกส์เก็บข้อมูลแบบ 5 มิติ บันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลผ่านกล้องจุลทรรศน์ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อวงการการเก็บข้อมูล ท้ายที่สุดแล้วจะมีการนำออกมาใช้ในวงกว้างหรือไม่ เราก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับ เพราะประการสำคัญคือต้องมีวิธีการเขียนและอ่านที่ง่ายกว่านี้เสียก่อน เรียกได้ว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ โดยหลายสิ่งหลายอย่างก็ถูกพัฒนาให้มีความสามารถที่ไม่น่าเชื่อ

Cr.สยามโฟน

ยื่นภาษี บุคคลธรรมดา ไม่ต้องมี บัญชีพร้อมเพย์ ก็ได้ กรมสรรพากรไม่ได้บังคับให้ ผู้เสียภาษีเงินได้ ต้องเปิดบัญชีพร้อมเพย์

ยื่นภาษี


ยื่นภาษี บุคคลธรรมดา ไม่ต้องมี บัญชีพร้อมเพย์ ก็ได้ กรมสรรพากรไม่ได้บังคับให้ ผู้เสียภาษีเงินได้ ต้องเปิดบัญชีพร้อมเพย์


กรณีที่มีข่าวการยื่นภาษีออกมาว่า ผู้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกิน และได้เปิดบัญชีพร้อมเพย์ไว้แล้ว จะได้รับเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรโดยการโอนเงินผ่านช่องทางใหม่คือระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) จะรวดเร็วกว่าเดิม ซึ่ง กรมสรรพากรไม่บังคับให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเปิดบัญชีพร้อมเพย์ โดยการผูกเลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อขอรับคืนค่าลดหย่อนภาษี เพราะกรมสรรพากรยังสามารถคืนเงินค่าลดหย่อนภาษีทางไปรษณีย์ได้ตามปกติ นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ได้เปิดเผยว่า      

กรมสรรพากรได้กำหนดเวลาของการยื่นภาษีแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91) ประจำปีภาษี 2559 ซึ่งจะเริ่มยื่นแบบฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2560 จึงขอให้ผู้ที่มีเงินได้ถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดยื่นแบบแสดงรายการ พร้อมใช้สิทธิหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่างๆ ให้ถูกต้อง กรมสรรพากรแนะนำให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือจะยื่นผ่าน Rd smart tax application ทางโทรศัพท์มือถือ ก็จะได้รับความสะดวกรวดเร็ว
     
สำหรับกรณีการยื่นภาษี ผู้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกิน และได้เปิดบัญชีพร้อมเพย์ไว้แล้ว จะได้รับเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรโดยการโอนเงินผ่านช่องทางใหม่คือระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) จะรวดเร็วกว่าเดิม คือ ภายใน 1 วัน ส่วนผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะสมัครใช้บริการพร้อมเพย์ (PromptPay) กรมสรรพากรก็ยังจะคืนเงินคืนภาษีโดยส่งผ่านทางไปรษณีย์ที่ผู้เสียภาษีจะได้ตามปกติ ทั้งนี้ เนื่องจากกรมสรรพากรมิได้บังคับให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกรายต้องเปิดบัญชีพร้อมเพย์ เพื่อขอรับคืนเงินค่าลดหย่อนภาษีแต่อย่างใด
       
ทั้งนี้ ผู้ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการยื่นภาษีแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91)  ประจำปีภาษี 2559 ซึ่งจะเริ่มยื่นแบบฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2560 ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หรือที่กรมสรรพากรทุกสาขาก็ได้สามารถคืนเงินค่าลดหย่อนภาษีทางไปรษณีย์ได้ตามปกติ ส่วนกรณีการคืนเงินภาษีผ่านระบบพร้อมเพย์ โดยการผูกเลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อขอรับคืนค่าลดหย่อนภาษี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกแห่ง หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร.1161

Cr.ผู้จัดการ