Wednesday, January 18, 2017

องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 71 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากอาการติดเชื้อในปอด

นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ


องคมนตรี นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ด้วยวัย 71 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากอาการติดเชื้อในปอด


นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เช้าวันนี้ในวเลา 08.30 น. ในวัย 71 ปี สาเหตุเกิดจากอาการติดเชื้อในปอด  ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า สาเหตุที่ นายชาญชัย ถึงแก่อสัญกรรม เพราะ อาการติดเชื้อในปอด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะองคมนตรี  เกิดเมื่อวันที่  25 เมษายน พ.ศ. 2489  ปัจจุบันอายุ 71 ปี   เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในสังคมไทยทั้งวงการตุลาการและวงการการเมือง

เขาถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิฤตการเมืองในขณะนั้น ระหว่างที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา โดยในวันที่ 28 เม.ย. เขาเป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะตุลาการทั้งสามศาล (ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ) หาทางออกทางการเมืองหลังจากที่มีการร้องให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2559 เป็นโมฆะ และได้ข้อสรุป 3 ข้อจากการประชุมคือ  1.ศาลจะเร่งรัดพิจารณาพิพากษาคดีและดำเนินการในส่วนที่อยู่อำนาจหน้าที่ของแต่ละศาล ให้รวดเร็วทันต่อของความเร่งด่วนในแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น, 2.การพิจารณา คดีความแต่ละศาล จะต้องใช้และตีความตัวบทกฎหมายเดียวกันนั้นต้องระมัดระวัง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งนี้เพื่อป้องกันความขัดแย้งและสับสนของ ประชาชน และ 3.ในการดำเนินการของแต่ละศาลนั้นยังต้องยึดถือหลักความเป็นอิสระของศาล ตามเขตอำนาจแต่ละศาล

และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตุลาการภิวัฒน์" เมือคำวินิจฉัยทั้ง 3 ศาลมีคำสั่งให้ระงับการเลือก ตั้ง สส.ใน จ.ชุมพร,ตรัง,นครศรีธรรมราช,ปัตตานี,พังงา,พัทลุง,ภูเก็ต,สงขลา และสุราษฎร์ธานี รวม 9 จังหวัด 14 เขต ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29เมษายน 2549 นี้เป็นการชั่วคราว  และที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. เป็นโมฆะ  ต่อมาเมื่อเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ก็มีข่าวว่าเขานายชาญชัย ลิขิตจิตถะได้รับทาบทามจากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ที่สุด คปค. ก็ได้เลือกพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี และนายชาญชัยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม   และพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 26 ก.พ. 2551

ประวัติโดยย่อของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ  จบการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดทรงธรรมจบการศึกษา  ระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2512 จบเนติบัณฑิตไทย พ.ศ. 2514 ได้เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หัวหน้าศาลแขวงนครสวรรค์ หัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี หัวหน้าศาลประจำกระทรวง หัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ หัวหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง หัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รองอธิบดีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ หัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 รองประธานศาลฎีกา และได้เป็นเป็นประธานศาลฎีกาในปี 2548  และเกษียณอายุในปี 2549

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้นายชาญชัย ลิขิตจิตถะเป็นองคมนตรี ในวันที่ 8 เม.ย. 2551 ต่อมาในวันที่ 6 ธ.ค. 2559   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายชาญชัยเป็นองคมนตรี   อย่างไรก็ตามในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552 ชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย ขณะเดินอยู่ใกล้กับบ้านชาญชัย ไว้ได้ และผู้ต้องสงสัยสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจ้างวานให้ลงมือสังหารชาญชัยภายในวันที่ 7 เมษายน  โดยมีการซัดทอดอดีตนักการเมืองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเนื่องจากต้องการสร้างความวุ่นวาย

Cr.คมชัดลึก

No comments:

Post a Comment